หน้า:ประชุมพงศาวดาร (ภาค ๑๗) - ๒๔๖๓.pdf/14

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว

ไม่ห้ามปราม แลมีประเพณีอิกอย่าง ๑ ซึ่งปรากฎในชั้นหลังว่า ถึงเวลาตรุษจีน ตรุษไทย แลสงกรานต์ ยอมให้ราษฎรเล่นเบี้ยกันได้ในที่ทั้งปวงตามชอบใจ มิให้นายอากรห้ามปราม ประเพณีอันนี้บางทีจะมีขึ้นเมื่อครั้งกรุงธนบุรีก็จะเปนได้ ด้วยสมัยนั้นทำศึกสงครามไม่ขาดปี มีทั้งทหารไทยแลทหารจีน การที่ให้สนุกสนานเปนการเอาใจไพร่พลให้ร่าเริง ดังเช่นโปรดให้เล่นถั่วโปกันน่าพระที่นั่งที่เมืองนครฯ มีอยู่เปนตัวอย่าง.

ถึงกรุงรัตนโกสินทร ในชั้นแรกไม่ใคร่มีเค้าเงื่อนที่จะทราบได้ว่า การอากรบ่อนเบี้ยเปนอย่างไร จึงสันนิฐานว่า จะคงมีมาอย่างครั้งกรุงธนบุรี จะผิดกันก็แต่ที่ไม่ทรงอุดหนุนการเล่นเบี้ยนัก มีการเนื่องในอากรบ่อนเบี้ยอย่าง ๑ ซึ่งปรากฎว่า เกิดขึ้นเมื่อครั้งรัชกาลที่ ๑ เดิมบ้านพวกจีนตั้งอยู่ตรงที่สร้างพระบรมมหาราชวังทุกวันนี้ ครั้นเมื่อย้ายพระนครมา สร้างฝั่งตวันออก จะสร้างพระบรมมหาราชวัง จึงโปรดให้พวกจีนย้ายลงไปตั้งบ้านเรือนอยู่ที่สำเพ็ง บ่อนเบี้ยสำหรับบ้านจีนเดิมสร้างที่ริมแม่น้ำตรงน่าวัดเกาะ แล้วย้ายมาตั้งริมถนนสำเพ็งที่กงสีล้ง บ่อนกงสีล้งนี้เปนหัวน่าบ่อนเบี้ยทั้งปวง ตลอดมาจนจัดการลดบ่อนเบี้ยลงเมื่อในรัชกาลที่ ๕ ที่ว่าเปนหัวน่านั้น คือ เปนต้นแบบแผนแลสัญญาอาณัติแก่บ่อนเบี้ยทั้งปวง เปนต้นว่า ถึงตรุษสงกรานต์อันเปนเวลาที่ราษฎรจะเล่นถั่วโปกันได้ตามชอบใจ นายบ่อนกงสีล้งเปนผู้มีน่าที่ที่จะตีม้าล่อบอกเปนสัญญาแก่ชาวพระนครว่า "เล่นเบี้ยได้ละ" ครั้นเมื่อสิ้นตรุษสงกรานต์ นายบ่อนกงสีล้งก็มีน่าที่ที่จะตีม้าล่อบอกประกาศให้เลิกเล่น ฉนี้เปนตัว