หน้า:ประชุมพงศาวดาร (ภาค ๑๗) - ๒๔๖๓.pdf/15

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว

อย่าง มีเนื้อความปรากฎในจดหมายเหตุเก่าครั้งรัชกาลที่ ๒ อิกข้อ ๑ ว่า เงินอากรบ่อนเบี้ยครั้งนั้นปีละ ๒๖๐,๐๐๐ บาท[1] ความข้อนี้ก็มีทางที่จะสันนิฐานเรื่องตำนานอากรบ่อนเบี้ยได้อีกบ้าง คือ

 ตั้งแต่ออกพระราชกำหนดในแผ่นดินสมเด็จพระเจ้าบรมโกษฐ์เมื่อ พ.ศ. ๒๒๙๙ อันกล่าวมาแล้ว นับเวลามาจนสิ้นรัชกาลที่ ๒ เมื่อ พ.ศ. ๒๓๖๗ ได้ ๖๘ ปี ในระหว่างเวลาเท่านี้ เงินอากรบ่อนเบี้ยขึ้นถึง ๑๐ เท่า คิดดูว่า จะขึ้นเพราะเหตุใด จะว่าเพราะผู้คนพลเมืองมากขึ้นกว่าแต่ก่อนก็ใช่เหตุ ด้วยเมื่อเสียกรุงเก่าแก่พม่าข้าศึกเสียผู้คนเปนอันมาก หากจะมีผู้คนเพิ่มขึ้นในระหว่างนั้น จำนวนคนก็เห็นว่าจะไม่มากกว่าครั้งกรุงเก่าเท่าใดนัก จึงส่อให้เห็นว่า ที่เงินอากรขึ้นถึงปานนั้น คงเปนเพราะเหตุที่เปิดให้ไทยเล่นเบี้ย แลมีบ่อนเบี้ยแพร่หลายออกไปตามหัวเมืองมากขึ้นตั้งแต่ครั้งกรุงธนบุรีฤๅแต่ชั้นกรุงเก่าตอนปลายก็จะเปนได้ เงินอากรบ่อนเบี้ยคงขึ้นเรื่อยมาโดยอันดับแต่ครั้งกรุงเก่าฤๅครั้งกรุงธนบุรีแล้ว มาถึงรัชกาลที่ ๒ ไม่มีศึกสงคราม ผู้คนได้ทำมาค้าขายเปนปรกติ เงินอากรบ่อนเบี้ยก็คงขึ้นอิกบ้าง แต่หาได้ขึ้นโครมครามในคราวหนึ่งคราวเดียวมากมายเท่าใดไม่ ถ้ามีอย่างนั้น ก็คงเปนเรื่องเล่าฦๅกันเปนอัศจรรย์ปรากฎมาจนภายหลัง


  1. มีในจดหมายเหตุของหมอครอฟอตซึ่งเปนทูตอังกฤษเข้ามาเมื่อปลายรัชกาลที่ ๒