หน้า:ประชุมพงศาวดาร (ภาค ๑๗) - ๒๔๖๓.pdf/92

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ยังไม่ได้พิสูจน์อักษร
๘๖

อยู่ในมือมากกว่ากำหนดเมื่อใดต้องส่งทันที ถ้าขืนเอาไว้แม้เกินไปจนบาท ๑ ก็ปรับ ส่วนแขวงขุนบานก็กำหนดเงินสำรองให้อย่างเดียวกัน แต่ ถึงเวลาหวยออก เมื่อคิดบาญชีเงินได้เสียเปนต้องสอบให้รู้กันทุกวัน ว่ามีตัวเงินสดของขุนบานอยู่ที่แขวงใดเท่าใด แลแขวงก็สอบว่ามีตัวเงินสดของแขวงอยู่ที่เสมียนหวยคนใดเท่าใดทุกๆ วัน ดังนี้เปนตัวอย่าง ส่วนเงินอากรที่ขุนบานต้องส่งพระคลังนั้น ได้ยินว่าเมื่อแรกตั้งอากรหวยในรัชกาลที่ ๓ เงินอากรหวยเพียงปีละสองร้อยห้าสิบชั่ง คือ ๒๐,๐๐๐ บาท มาถึงรัชกาลที่ ๔ เงินอากรมากขึ้นเปนปีละสองพันห้าร้อยชั่ง คือ ๒๐๐,๐๐๐บาท๑เงินอากรหวยขึ้นมากถึงที่สุดเมื่อรัตนโกสินทรศก ๑๓๐ ตรงกับปีกุญ พ.ศ. ๒๔๕๔ ในรัชกาลปัตยุบันนี้ เปนเงินปีละสี่หมื่นแปดพันร้อยยี่สิบชั่ง คือ ๓,๘๔๙,๖๐๐ บาท วิธีส่งเงินอากรหวย รัฐบาล ให้ส่งเหมือนกับเงินภาษีอากรผูกขาดอย่างอื่น คือนายอากรต้องนำเงินส่งพระคลังล่วงน่าเท่าอัตราเงินงวด ๓ เดือน รัฐบาลเอาไว้เปนเงินประ กัน ๒ เดือน เปนเงินงวดสำหรับเดือนต้นเดือน ๑ ต่อไปพอขึ้นเดือนไหนนายอากรต้องส่งเงินงวดสำหรับเดือนนั้นล่วงน่า ตั้งแต่เดือนที่ ๒เปนต้นไป จนถึงเดือนที่๑๑ ที่๑๒ รัฐบาลจึงยอมหักเงินประกันให้เปนเงินงวดต่อไปจนสิ้นปี เงินเดิมพันคนแทงหวยในตอนหลังนี้ ทราบว่าหวยโรงเช้าราว ๓๐,๐๐๐บาทหวยโรงค่ำราว๑๐,๐๐๐บาทรวมกันราวคืนละ ๔๐,๐๐๐ บาท เปนปานกลาง บางทีถึงเดือนละ ๕๐,๐๐๐ บาท ก็มี เวลาตรุษจีน ๑ ตามบาญชีของสังฆราชปัลถัวมีในหนังสือเซอยอนเบาริง