ทั้งโรงช้างม้าแลเรือนหลวง กำแพงแก้ว ๗ ชั้น สวนอุทยานแลสระโบก ขรณีเต็มไปด้วยบัว ๕ ประการ แลกำแพงเมืองย่อมแล้วด้วยทอง ชื่อว่าเมืองอินทปัตนคร แลเศรษฐีทั้งหลายจึงราชาภิเศกเจ้าสุทัศนเปนกระษัตริย์ แต่พระพุทธเจ้ายังทรมานอยู่โปรดสัตวทั้งหลาย แลเที่ยวมาบิณฑบาตณเมืองนั้น แลยังมีพรรณิพกพิการผู้หนึ่ง ถือกระลาขอทานเขากินในกลางถนนกลางตลาด ก็มาพบพระพุทธเจ้าในหนทางจึงเอาเข้าที่ในกระลานั้นใส่บาตรด้วยมืออันเน่า ห้อยอยู่ แล้วนิ้วมือนั้นขาดลงไปในบาตรพระพุทธเจ้า ครั้นพระพุทธเจ้ามาถึงที่ฉันจันหัน พระพุทธเจ้าก็ยกเอานิ้วมืออันตกลงนั้นออกเสีย จึงฉันจันหัน ครั้นฉันแล้วพระพุทธเจ้าจึงแย้มพระโอษฐ แลพระอานนท์ทูลถาม พระพุทธเจ้าตรัสว่า ดูกรอานนท์ พรรณิพกพิการอันให้บิณฑบาตเปนทานแก่ตถาคตแล้วจะได้เปนพระยาในเมืองนี้ จะได้ลบศักราชตั้งไสยสาตร ครั้นพระพุทธเจ้าทำนายแล้วเท่านั้น แลพระยาสุทัศนแต่ได้เปนพระยาในเมืองอินทปัตนคร แลมีพระชนมายุได้ ๑๕๐ ปี ก็ทิวงคตเดือน ๖ แรม ๖ ค่ำวัน ๕ ปีมเสงพุทธศักราชได้ ๑๖๐๐ ปี ยังแต่บุตรหลานสืบ ๆ กันมา ปรางคปราสาทอันแล้วไปด้วยทองก็หายสิ้นทุกสิ่งทุกอัน ก็อันตรธานเปนศิลาทุกประการ แลจำเดิมแต่นั้นมา พระยาโคตมเทวราชผู้หลาน ได้เปนพระยาในเมืองนั้น แลชาวบ้านเล่าฦๅว่าผู้มีบุญมาเกิดแล้ว แลบ้านเมืองเราสนุกสบายยิ่งนัก
๏ยังมีบุตรพรรณิพกผู้หนึ่ง เกิดมามีรูปอันลามก หลังขดเอวคดแข้งโกง เปนคนเน่าทั้งตัว เหตุมิได้รักษาศีลแลให้ทานดุจ