หน้า:ประชุมพงศาวดาร (ภาค ๒๘) - ๒๔๖๖ b.pdf/19

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
๑๓

สมอล่องเรือไปจากกรุงฯ ในเพลากลางคืน เปนเรือ ๔ ลำด้วยกัน คนประมาณ ๑๕๐ คน ครั้นเรือออกปากอ่าวเมืองสมุทปราการแล้ว ขัดลม ใช้ใบไปไม่ได้ องไชสือจึงจุดธุปจุดเทียนเผากระดาษบูชาเทวดา แล้วจึงเอาเครื่องยศกลดขึ้นตั้งบนท้ายเรือ จึงอธิษฐานว่า ถ้าข้าพเจ้าออกไปทำศึก จะคืนเอาบ้านเอาเมืองได้สมความปรารถนาแล้ว ขอให้มีลมพัดส่งให้ได้ไปโดยสดวก ลมยังไม่ทันพัด องไชสือเห็นเรือพระที่นั่งกรมพระราชวังกับเรือข้าหลวงตามออกไปเปนอันมาก ก็กลัวจะตามทัน จึงชักดาบออกจะเชือดคอตายเสีย องภูเว้กระโดเข้าชิงเอาดาบไว้ได้ ปลายดาบบาดเอาปากองภูเว้ องไชสือก็ทิ้งดาบเสีย สักครู่หนึ่ง ลมตวันตกก็พัดกกล้ามา จึงได้ใช้ใบไปหาเรือใหญ่ที่องกวาน องยี ต่อไว้ณะเกาะสีชัง องไชสือก็พาครอบครัวขึ้นบนเรือใหญ่ แล้วถามองจองว่า จะไปพักอยู่ที่ไหนดี องจองว่า ให้ไปพักอยู่เกาะกูดเถิด ด้วยที่เกาะนั้นมีน้ำจืด เรือใหญ่ก็เข้าออกได้ ส่วนนายบัว กับนายจัน นายเมือง นายอยู่ ก็ไปลำเดียวกับองไชสือ เรือเล็ก ๔ ลำนั้น องเหยิม เจ้ากรมช่างสลักขี่ ลำ ๑ องหับ เจ้ากรมช่างไม้ขี่ ลำ ๑ องเกาโล เจ้ากรมช่างหล่อขี่ ลำ ๑ กับเรือเล็กขององไชสือขี่ลงไปแต่กรุงฯ นั้น องไชสือให้บ่าวไพร่ของตัวขี่ไป เข้ากันเปนเรือ ๕ ลำ ใช้ใบไป ๗ วัน ๗ คืนถึงเกาะกูด ๆ นั้นอยู่กลางชเลฦก ไม่มีผู้คน องไชสือจึงอาศรัยอยู่ที่เกาะกูด แต่หามีเข้ากินไม่ ได้กินแต่เนื้อเต่า เนื้อปลา กับมัน กับกลอย ครั้นอยู่มา องไชสือเห็นเรือแล่นเข้ามาที่เกาะลำหนึ่ง