ชานน่าท้องพระโรงข้างใน ทรงเด็ดเอาพลูมาสองใบ ทรงถือออกมาน่าท้องพระโรงอิกเล่า ตรัสบอกเจ้าคุณกระลาโหมว่า ข้างใน หลังเสวย หลังท้องพระโรงกลาง หลังประธม เขาทำหมดจดงามดี มีสวนมีพลูสนุกสนาน ทำแขงแรง ลงทุนลงแรงใช้จ่ายเงินทองมากมายนักหนา แล้วเสด็จขึ้น เจ้าคุณกระลาโหม แลเจ้าคุณผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลา ท้าวพระยาข้าทูลลอองธุรีพระบาททั้งนั้น กลับออกมา พอฝนตกลง ครั้นฝนหายแล้ว เจ้าคุณผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลาก็จัดแจงเลี้ยงขุนนางท้าวพระยาซึ่งตามเสด็จพระราชดำเนินมาทั้งสิ้น เจ้าต่างกรมแลหากรมมิได้ทั้งนั้น ให้ยกของใส่โต๊ะเงินไปถวายตามที่อยู่จนสิ้นทุก ๆ องค์ พอเพลาพลบค่ำ ทุ่มเศษ เสด็จลงไปพลับพลาน้ำกับเจ้าคุณกระลาโหมในที่มืด ตรัสกับเจ้าคุณกระลาโหมเบา ๆ ไม่ได้ยิน แล้วเสด็จกลับมาทรงประทับที่ประตูใหญ่พระราชวังชั้นนอก ตรัสว่า เมืองตวันตก ตวันออก ข้างปากใต้ฝ่ายเหนือ ที่ไปแล้ว ๆ จนมาถึง เมืองนี้ เมืองเขาสนุกสนานผู้คนมั่งคั่งมาก มีแต่จะจำเริญขึ้นไป เมืองอื่นขยับจะสู้เขาไม่ได้ แล้วเสด็จเขามาชมศิลาที่ปากสระว่า เปนโมรา งามดี[1] ต่อเมื่อจะกลับไป ให้ขอไปบ้าง แล้วเสด็จเข้าท้องพระโรง ตรัสเรียกชาตรีไปทรงที่ริมกำแพงกระเบื้องปรุชั้นใน ทรงประทับเหนือกำแพงกระเบื้องปรุ นายบุญคง บุตรหลวงปลัดเมืองสงขลา ส่องเทียนให้ทรงทอดพระเนตรชาตรีถึง ๒ ยาม แล้วทรงพระ
- ↑ ศิลาอย่างนี้เอามาจากเกาะสี่ เกาะห้า ในทเลสาบ