หน้า:ประชุมพงศาวดาร (ภาค ๖๓) - ๒๔๗๙.pdf/57

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
11
 

ของบ้านเมือง จึงลงโทษทูตแต่พอให้รู้สึก มิได้ให้เจ็บปวดอย่างใด เห็นจะนับว่า เป็นโทษอย่างเบาในเวลานั้น

๑๒. ในข้อที่ทรงพระราชดำริเห็นว่า การที่เอากับข้าวราดศีรษะทูตเป็นการหยาบคายเหลือเกิน โกรธเหมือนไพร่นั้น ข้าพระพุทธเจ้าเห็นด้วยเกล้าฯ ว่า สันดานของบุคคลนั้นก็เป็นเหมือนดังวาสนา ซึ่งมีมาในพระบาลีว่า จะตัดขาดได้ก็ฉะเพาะแต่พระพุทธเจ้าพระองค์เดียวเท่านั้น แต่ถึงชั้นพระอรหันต์ก็ยังขาดไม่ได้ ดังเช่นพระสารีบุตรเดิมเคยเป็นวานร เมื่อถึงชาติที่สุด ก็ยังมีกิริยาวานรติดอยู่ในพระองค์

๑๓. เรื่องโหรถวายฎีกาว่า ไฟจะไหม้วัง ขนของหนีออกไปอยู่วัดนั้น ข้าพระพุทธเจ้าเห็นด้วยเกล้าฯ ว่า คงจะเป็นด้วยเชื่อพระโหราธิบดี ด้วยท่านโหรผู้นี้ดูแม่นยำนัก และครั้งนี้ดูว่า ไฟจะไหม้วัง ก็เมื่อทรงเชื่อแล้ว จะประทับอยู่ในวังซึ่งจะถูกไฟไหม้อย่างไรได้ เป็นการจำเป็นที่จะต้องเสด็จออกไปเสียให้ห่างสักหน่อย แต่ถึงกระนั้นก็ปรากฏว่า ได้เตรียมการป้องกันไว้เต็มที่ และทั้งไฟก็ไหม้วังจริงด้วย จะหาว่า ตื่นและขลาด ก็ไม่สู้ถนัดนัก

๑๔. คำอธิษฐานซึ่งอ้างเอาความปรารถนาโพธิญาณ ซึ่งทรงพระราชดำริเห็นว่า เป็นการเย่อหยิ่งนั้น ข้าพระพุทธเจ้าเห็นด้วยเกล้าฯ ว่า คงจะทรงตาม ๆ กันไป เช่นพระเจ้าทรงธรรมเองก็น่าได้กล่าวอย่างนี้เหมือนกัน

รวบรวมใจความในแผ่นดินพระเจ้าปราสาททอง ข้าพระพุทธเจ้าเห็นด้วยเกล้าฯ ว่า ถ้าในสมัยนั้น น่าจะนับเอาว่า เป็นการเรียบร้อย