หน้า:ประชุมพงศาวดาร (ภาค ๖๘) - ๒๔๘๑.pdf/15

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ยังไม่ได้พิสูจน์อักษร
11
 

กวานพอลันบิน, กวานเทิงเบียน, เรียนครบราชการ โกยจึกอยากเป็นไมตรีเหมือนแต่ก่อน โปยจึกได้ทราบใจโกยจึกถูกนัก กวาน เดดก, กวานพอลันบิน, กวานเทิงเบียน ได้เรียนว่าโกยจึกได้พูดว่า ๒ ฝ่าย บัดนี้ไม่ได้รบกันหยุดอยู่ก่อน ต้องการอะไรขุนนางทั้งสิ้นนั้น ก็ไปแล้ว โกยจึกก็ให้ไปทูลสมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัว ใช้การคนไป ว่าการเป็นไมตรีนั้น โปนจึกนึกคำโกยจึกว่าการไมตรีก็เป็นแน่ไม่หลีกเลี่ยง แต่ทว่าการนี้เป็นการช้ายืดยาวแล้วเป็นการใหญ่ไม่อาจรับแต่คนเดียว จึ่งได้นำเนื้อความกับหนังสือไปทูลพระเจ้าเวียดนามคิดอ่านเห็นจะได้คนใช้กลับคืนมา ถ้าและสองพระนครเป็นไมตรีดีดังนั้นอนาประชาราษฎรก็สุขสบาย แต่บัดนี้อยู่คอยได้ข่าวคนใช้ไปกลับมานั้นทางไซ่ง่อนอยู่ไกลวันเดือนช้าอยู่ ถ้าสองฝ่ายพร้อมตั้งทัพใหญ่ ห็นเหมือนสงสัยกันอยู่ ยังหาทันแน่สิ้น ด้วยคำกวานเดดก, กวานอานพ, กวานพอลันบิน, กวานเทิงเบียน พูดว่าโกยจึกก็ไปดังนั้น โกยจึกได้คิด เห็นก่อนนำกำลังไปจะคิดอ่านการไมตรี จึ่งโปนจึกบังคับกำลังทัพหน้าให้หยุดก่อน ถ้าโกยจึกนำกำลังไปนั้น โปนจึกกำลังทัพหน้าอยู่ พวก ทัพหลังก็ไปนั้นสิ้นสงสัย ถ้าโกยจึกคิดไปวันใดก็ให้มีหนังสือไปให้รู้ด้วย บัดนี้ก็เป็นไมตรีด้วยกันอย่าสงสัยอีก ซึ่งการเขมรนั้นโกยจึกว่า กับกวานเดดก กวานอานพ กวานพอลันบิน กวานเทิงเบียน ว่าเขมรมันยืนแหลมทั้งสองข้าง เคยคิดผินหน้ามันคืนไปเมืองพระตะบอง