หน้า:ประชุมพงศาวดาร (ภาค ๖) - ๒๔๖๐.pdf/88

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้ตรวจสอบแล้ว
๘๑

เมื่อพม่าทำป้อมรอบกรุงเสร็จแล้ว เอาปืนใหญ่ขึ้นป้อมยิงระดมเข้าไปพระนครถูกผู้คนล้มตายทุก ๆ วัน ราษฎรก็ได้ความอดอยากถึงกับหนีออกไปให้พม่าจับก็มี สมเด็จพระเจ้าเอกทัศกับข้าราชการปฤกษากันเห็นว่าจะต่อสู้ไม่ไหว จึงให้ออกไปพูดกับพม่าขอหย่าทัพ จะยอมเปนประเทศราชขึ้นเมืองอังวะ พม่าก็ไม่ยอม จึงรบกันต่อมา พม่ายังตีกรุงไม่ได้ จึงตั้งป้อมรุกเข้ามาทางหัวรอ แล้วให้ทำสะพานเรือกจะข้ามเข้ามาถึงเชิงกำแพงพระนคร ไทยเห็นพม่ากระชั้นเข้ามาจวนตัว จึงจัดกองทัพให้จมื่นศรีสรรักษ์ (ฉิม คนที่เปนน้องของเจ้าจอมเพ็งพระสนมเอก) เปนนายทัพยกไปตีค่ายพม่า ในพงษาดารพม่ากล่าวว่า ไทยยกออกไปคราวนั้น รบพุ่งแขงแรงมาก ตีเข้าไปได้จนได้จนในค่ายพม่า แต่คนน้อย ต้องแพ้พม่ากลับมา แต่นั้นไทยก็ไม่ได้ออกสู้รบ เปนแต่ทำพิธีโดยทางวิทยาคมเพื่อจะป้องกันอันตราย พม่าจึงยกข้ามคูพระนครเข้ามา ขุดอุโมงค์รวงเข้ามาจนถึงรากกำแพงที่ตรงหัวรอริมป้อมมหาไชย เอาไฟสุมจนกำแพงซุดลง ครั้นณวัน ค่ำ ปีกุญ จุลศักราช ๑๑๒๙ พ,ศ, ๒๓๑๐ พม่าให้เอาปืนใหญ่ระดมยิงเข้าไปในพระนครทุกด้าน ยิงอยู่วันยังค่ำ พอค่ำมืด พม่าก็พร้อมกันเข้าปล้นพระนคร เข้าได้เวลา ๒ ทุ่ม นับเวลาตั้งแต่พม่าเข้ามาตั้งล้อมไทยต่อสู้อยู่ ๑๔ เดือน ก็เสียพระนครศรีอยุทธยาแก่ข้าศึก

พม่าได้กรุงศรีอยุทธยาแล้ว ไม่ได้ตั้งใจที่จะเหลืออะไรไว้ 

๑๑