หน้า:ประชุมพงศาวดาร (ภาค ๘) - ๒๔๖๐.pdf/97

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
๘๔

กัมพูชา ทรงพระกรุณาให้ออกไปรับ ปลูกตำหนักให้อยู่ตำบลวัดค้างคาว ๚

 ศักราช ๑๐๘๐ ปีจอ สัมฤทธิศก อสนีบาตลงยอดวัดมงคลบพิตร ไหม้เครื่องไม้ลงมาจนผนัง ๗ วันจึงดับ พระสอพระประธานหัก ๚

 ศักราช ๑๐๘๑ ปีกุญ เอกศก ทรงพระกรุณาให้เกณฑ์กองทัพเรือพล ๕๐๐๐ ทัพบกคน ๕๐๐๐ ให้พญาจักรีบ้านโรงฆ้องเปนแม่ทัพบก พญาโกษาจีนเปนแม่ทัพเรือกำปั่นสองลำ ยกออกไปรบญวนลแวกตีแตกเข้ามา ๚

 ศุภมัศดุ ศักราช ๑๐๘๔ ปีขาล จัตวาศก ทรงพระราชศรัทธาให้บุรณพระเจดีย์พระอุโบสถวัดมงคลบพิตรให้กว้างให้ยาวออกกว่าเก่า ๚

 ลุศักราช ๑๐๘๙ ปีมแม นพศก ทรงพระประชวรชิวหา ในปีนั้น สมเด็จพระอนุชาธิราชเจ้ากรมพระราชวังบวรฯ เสด็จออกไปทรงผนวชณวัดกุฎีดาว สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าอภัยถามนายบุญมีราชวังเมืองกรมช้างพระราชวังบวรฯ ว่า ตัวไรมีฝีงา นายบุญมีราชวังเมืองกราบทูลว่า ช้างพลายสระสงสาร ช้างพลายแก้ว พลายรัดกลึง รับวงพาดแลชนเถื่อน รับสั่งให้เอาช้างสามช้างไปพระราชวังหลวง แล้วสั่งว่า ช้างม้าซึ่งอยู่วังน่านั้นอย่าให้ตะพุ่นจ่ายหญ้าให้ หลวงมณเฑียรบาล หลวงกลาโหม เปนโทษครั้งปลงศพพระอาจารย์วัดคูหา เข้าไปกราบทูลพระกรุณาให้เอามาไว้ในพระราชวังหลวง จึงมีพระราชโองการให้ไปต่อว่าขุนหลวงกรมพระราช