ได้มากกว่าฝ่ายลาวแลฝ่ายญวน เงินส่วยที่ส่งไปฝ่ายญวนนั้น ๕ ปุง เปนเงิน ๑๒๕ บาท เพราะมิได้มีม้าเหมือนกันกับส่วยฝ่ายจีน แต่ส่วยซึ่งเก็บได้ในแดนดินฝ่ายญวนแลฝ่ายลาวนั้นประมาณเท่ากัน แต่ฝ่ายลาวนั้นมีม้าเปนส่วยด้วย จึงได้หักเงินลงเปนราคาม้าเมืองไลตัวละ ๓๐ บาท แลม้าเมืองไลนั้นมีกำลังแลฝีเท้าควบขี่ขึ้น ภูเขาได้คล่องแลแขงแรง เจ้านายฝ่ายลาวจึงสั่งให้ส่งไปเปนส่วย สืบมา คิดตั้งแต่ครั้งปู่ย่าตายายเปนต้นแซ่พวกเมืองไลที่ได้ยกอพยพมาจากเมืองลิมเจาในคราวนั้น จนถึงปัตยุบันบัดนี้ นับเปนลำดับแซ่กระษัตริย์วงษ์ตาด ซึ่งยกเข้ามาตีประเทศจีนแลได้ครองเมืองจีน คือ เม่งเฉียว ๑ เยนเฉียว ๑ ตาชินเฉียว ๑ รวมเปน ๓ ชั่วแซ่กระษัตริย์วงษ์ตาด ซึ่งได้ครองประเทศจีนสืบมาจนถึงบัดนี้ นับเปนลำดับชั่วแซ่กระษัตริย์วงษ์ญวน ซึ่งได้ครองเมืองญวนคราวเดียวกัน กับลำดับเม่งเฉียวมานั้น คือ กงเฉียว ๑ เลเฉียว ๑ หลีเฉียว ๑ จั้นเฉียว ๑ เลเฉียวอิกครั้ง ๑ เอ้นเฉียว ๑ รวมเปน ๖ ชั่วด้วยกัน ประมาณ เปนปีได้ ๓๐๐ ปีเศษ ผู้ซึ่งเปนเจ้าเมืองไลสืบ ๆ กันมาตั้งแต่ฬ่อตายันเปนคนเดิมนั้น จนถึงท้าวไลบิดาคำสามคำล่าในปัตยุบันนี้มีแต่พวกจีนแซ่ฬ่อแซ่เดียว มิได้มีแซ่อื่นแซกแซงเข้ามาเปนเจ้าเมืองเลยแต่ครั้งหนึ่ง พวกจีนแต่แรกมาตั้งอยู่เมืองไลนั้น ก็ใช้หนังสือจีนอยู่ตาม เดิม ครั้นภายหลังพวกผู้ไทยขาว พวกผู้ไทยดำ ซึ่งอยู่ในแดนดิน
หน้า:ประชุมพงศาวดาร (ภาค ๙) - ๒๔๖๑.pdf/57
หน้าตา