หน้า:ประชุมพงศาวดาร (ภาค ๙) - ๒๔๖๑.pdf/6

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
(๕)

พวกเดิมของตนไว้ในอาณาจักร ต่อมา เมื่ออำนาจกรุงศรีสัตนาคนหุตอ่อนลง ตั้งแต่เสียเมืองแก่พม่าครั้งพระเจ้าหงษาวดีบุเรงนองเปนต้นมา อำนาจการปกครองหัวเมืองที่ห่างไกลก็มีน้อยลงโดยลำดับ ทีหลังมา เมื่อกรุงศรีสัตนาคนหุตแยกกันออกไปเปน ๒ อาณาเขตร คือ หลวงพระบาง แลเวียงจันท์ หัวเมืองผู้ไทยก็แยกกันออกไป ที่อยู่ข้างฝ่ายตวันออก เรียกว่า เมืองพวน มีเมืองเชียงขวางเปนต้น ไปขึ้นแก่เจ้านครเวียงจันท์ หัวเมืองข้างฝ่ายเหนือ รวมทั้งเมืองไล แลเมืองแถงนี้ ขึ้นกับเจ้านครหลวงพระบาง ที่เปนเมืองใกล้ ๆ เจ้าหลวงพระบางตั้งท้าวพระยาไปเปนหัวพันปกครอง เรียกส่วนนี้ว่า เมืองหัวพันทั้งหก เมืองที่อยู่ห่างไกลออกไป คงเรียกว่า สิบสองจุไทย ให้ปกครองกันเองเปนทำนองประเทศราช เมืองไลแลเมืองแถงอยู่ในพวกหลังนี้

หัวเมืองของจีนซึ่งต่อแดนสิบสองจุไทยข้างฝ่ายเหนือก็ดี หัวเมืองของญวนซึ่งต่อแดนเมืองพวนข้างฝ่ายตวันออกก็ดี แต่เดิมมา การปกครองชายแดนก็ละหลวม กำหนดแต่ว่า เขตรแดนถึงเพียงนั้น ๆ แต่การภายในแล้วแต่พวกที่อยู่ในนั้นจะปกครองกันอย่างไร เหมือนกับทางข้างนี้ การเปนดังนี้ หัวเมืองที่พวกผู้ไทยอยู่ ทั้งในแดนจีน แดนญวน แลในแว่นแคว้นสิบสองจุไทย แลเมืองพวน จึงคล้าย ๆ กับแผ่นดินกลางมาช้านาน เมืองใดที่อยู่ใกล้ชิดข้างไหน ก็ขึ้นข้างนั้น ที่อยู่ห่าง ๆ ก็ขึ้นสองฝ่ายสามฝ่าย แล้วแต่อำนาจข้างไหนมาถึงตัวเมื่อใด ก็ยอมอ่อนน้อมต่ออำนาจนั้น พออย่าให้เบียดเบียน