หน้า:ประชุมพงศาวดาร (ภาค ๙) - ๒๔๖๑.pdf/61

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ยังไม่ได้พิสูจน์อักษร
๔๐

แลศักราชเท่าไรนั้นไม่ได้ความแน่ ด้วยเมืองไลได้เคยเสียแก่ข้าศึก ต้องแตกหนีทิ้งบ้านเมืองเปนหลายครั้ง แลเมืองนครล้านช้าง ก็เคย แตกเสียแก่ข้าศึกมาหลายครั้ง กับทั้งครั้งนี้พวกฮ่อเอาเพลิงเผาบ้านเมืองยับเยินหนังสือสำหรับราชการบ้านเมืองแต่โบราณก็เสียสูญไป เสียโดยมาก จึงไม่ได้ความชัดทั้ง ๒ ฝ่าย ครั้นต่อล่วงมาเมื่อ ปู่ท้าวไลได้เปนเจ้าเมืองไลนั้น เจ้านครหลวงพระบางโปรดให้รับยศตราตั้งมีนามว่าเจ้าตนพระพรหมวงษา แลต่อมาถึงบิดาท้าวไลแล ตัวท้าวไลในปัตยุบันก็ได้รับตราตั้ง มีชื่อเดียวดังนี้ เปน ๓ ชั่วคนแล้ว เมืองสิบสองผู้ไทยนั้น คือเมืองพวกผู้ไทยขาว ๑ เมืองผู้ ไทยดำ ๑ เปน ๒ พวกด้วยกัน เมืองที่พวกผู้ไทยขาวอยู่นั้น คือ เมืองไล ๑ เมืองเจียน ๑ เมืองมุน ๑ เมืองบาง ๑ รวมเปน ๔ เมืองด้วยกัน เมืองที่พวกผู้ไทยดำอยู่นั้น คือ เมืองแถง ๑ เมืองควาย ๑ เมืองดุง ๑ เมืองม่วย ๑ เมืองลา ๑ เมืองโมะ ๑ เมืองหวัด ๑ เมืองซาง ๑ รวมเปน ๘ เมือง ๆ ผู้ไทยขาว ๔ เมืองผู้ไทยดำ ๘ เปน ๑๒ เมือง จึงเรียกว่าเมืองสิบสองผู้ไทย แต่บัดนี้เรียกว่า สิบสองจุไทยบ้าง เจ้าเมืองทั้งปวงตั้งแต่ฬ่อตายันเปนเจ้าเมืองไลคนเดิม แล บุตรหลานเหลนในแซ่ฬ่อนั้น ได้เปนเจ้าเมืองสืบต่อเปนลำดับกัน ลงมาจนถึงปู่แลบิดาของท้าวไล ซึ่งเปนบิดาคำสามคำล่าผู้ให้การ ข้อความนี้ ปู่ท้าวไลในปัตยุบันเปนเจ้าเมืองไลอยู่ได้ ๒๐ ปีก็ป่วยถึง