หน้า:ประชุมพงศาวดาร (ภาค ๙) - ๒๔๖๑.pdf/65

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ยังไม่ได้พิสูจน์อักษร
๔๔

คนที่ทำนาแลเสียค่านาดังนี้แล้ว ถึงอยู่เรือนเดียวกันหลายครอบครัวก็มิได้เรียกส่วยอิกเลย แลมิได้เก็บภาษีอากรอย่างอื่นอิก เก็บแต่ส่วยแลค่านา ๒ อย่างเท่านี้ ที่เมืองไลแลตามหัวเมืองขึ้นเมืองไลนั้น มีพวกข่าก้อพวก ๑ ข่าอุ่นยี่พวก ๑ ข่าอาก้าพวก ๑ เปน ๓ พวกด้วยกัน อยู่ตามป่า แลภูเขา ทำไร่เข้าแลผักฟักแฟงแลสิ่งต่าง ๆ พอแลกขายกิน พวก ๑ ประมาณทั้งชายทั้งหญิง ๑๐๐ คนบ้าง ไม่ถึง ๑๐๐ คนบ้าง แต่ปลูกตูบแลกระท่อมอยู่เปนหมู่กันบ้าง อยู่ห่างไกลกันบ้าง ข่าทั้ง ๓ พวกนั้นประมาณไม่ถึง ๓๐๐ คน พูดภาษาต่าง ๆ ไม่เหมือนกัน คล้ายกับ ภาษาจีนป่าแต่เดิม มีคนเย้าพวก ๑ คนแม้วพวก ๑ ทั้ง ๒ พวกนี้ พวกละ ๑๐๐ เศษ แล ๒๐๐ เศษ ไม่ชอบอยู่ที่ป่าดินราบ ได้ยินเสียงกบเขียดร้องไม่ได้ ไม่สบาย ชอบอยู่ตามภูเขาสูง ๆ ฤดูฝนไม่ลงมาเที่ยวตามพื้นดิน น่าแล้งจึงลงมา คนเย้าคนแม้ว ๒ พวกนี้ผิวพรรณขาว ๆ คล้ายกัน กับคนจีนแลไว้ผมกระหมวดมวยบ้าง ปล่อยกระจายปรกไปข้างหลังบ้าง เหมือนอย่างพวกจีนเดิม ลางทีก็เรียกกันว่าพวกฮ่อป่า พวก ผู้หญิงกระหมวดผมข้างน่าแลตามข้าง ๆ ผู้ชายสวมเสื้อกางเกง สั้น ๆ กว้าง ๆ ผู้หญิงสวมเสื้อยาวถึงข้อเท้าเหมือนหญิงจีนแลหญิงญวน พวกเย้าพวกแม้วนี้มีความฉลาดกว่าพวกข่าก้อข่าวุ่นยี่ข่าอาก้าเหล่านั้น เอาต้นหญ้าแลเปลือกไม้มาปั่นพอทำเสื้อผ้าได้ แต่พวก ข่า ๓ พวกนั้นทำเสื้อผ้าใช้เองไม่ได้