ข้าพเจ้าอายุได้ ๑๖ ปี เจ้านครหลวงพระบางทำนุบำรุงบิดาข้าพเจ้า ให้อยู่เปนศุขได้ประมาณปีเศษ แล้วเจ้านครหลวงพระบางจึงแต่งให้ท้าววรรณา ๑ ท้าวภาพ ๑ ท้าวเซา ๑ กับบุตรชายพระยาอาจคน ๑ ผู้แทนพระยาอาจ ให้คุมกำลังกองทัพลาวประมาณ ๕๐๐ - ๖๐๐ คน พาบิดาข้าพเจ้าไปส่งยังเมืองไล ขณะเมื่อบิดาข้าพเจ้าแตกหนีกองทัพเมืองอูลงไปอยู่เมืองหลวงพระบางนั้น ท้าวโดยนำตั้งตัวเปนเจ้า เมืองไล ท้าวเหลน ท้าวตอม ก็ช่วยกันว่าการบ้านเมืองอยู่ แล ท้าวโดยนำก็ขอเอาคนลื้อเมืองอูไว้เปนกำลังรักษาตัวบ้าง ครั้น ท้าวโดยนำ แลท้าวเหลน ท้าวตอม รู้ว่าเจ้านครหลวงพระบางแต่ง กองทัพให้พาบิดาข้าพเจ้าขึ้นไปจะตีคืนเอาเมืองไลดังนั้น ท้าวโดยนำ แลท้าวเหลน ท้าวตอม เห็นจะสู้ไม่ได้ก็พาครอบครัวแลบ่าวไพร่ หนีไปอยู่เมืองภูฝาง ๆ นั้นต่อแดนเมืองอู แต่เปนหัวเมืองขึ้น ของเมืองไล ระยะทางเดินเท้าจากเมืองไล ๘ วัน กองทัพเมือง หลวงพระบางตั้งจัดการในเมืองไล ให้บิดาข้าพเจ้ารักษาเมืองไล ดังเก่าเรียบร้อยแล้ว ก็ยกกองทัพกลับลงไปยังเมืองหลวงพระบาง บิดาข้าพเจ้ารักษาเมืองไลมาได้เดือน ๑ ท้าวโดยนำ แลท้าวเหลน ท้าวตอม ก็ชักนำเอาพวกลื้อพวกตองซู่พวกเก่านั้น คุมกันเข้าได้ประมาณ ๒๐๐ คน ยกกลับมาตีเมืองไลอิก บิดาข้าพเจ้าไม่มีกำลัง จะต่อสู้ ด้วยกองทัพเมืองหลวงพระบางก็กลับลงมาเสียแล้ว แล บ่าวไพร่ผู้คนแต่ก่อนก็แตกซ่านเซนไปในที่ต่าง ๆ โดยมาก บิดา
หน้า:ประชุมพงศาวดาร (ภาค ๙) - ๒๔๖๑.pdf/70
หน้าตา