ชื่ออาน ซึ่งแตกหนีไปอยู่ป่าด้วย คิดเอาใจออกหากท้าวควาย จึงมาสารภาพลุแก่โทษแจ้งความทั้งนี้แก่คำโดย แลบอกให้ไป จับตัวท้าวควาย คำโดยจึงแต่งให้ท้าวนาไทรกับกรมการมีชื่อ อิก ๒ นายคุมคน ๓๐เศษ ไปล้อมจับท้าวควายที่ตำบลห้วยกาในป่าแดนเมืองควาย ได้ตัวท้าวควายแล้วก็ฆ่าเสีย ตัดเอาศีศะมาให้ แก่คำโดย ๆ ได้ศีศะท้าวควายแล้วก็ยกกลับไปเมืองไล จึงนำเอา ศีศะท้าวควายขึ้นให้แก่บิดาข้าพเจ้า ๆ จึงให้เอาศีศะท้าวควายใส่หีบแล้วแต่งให้กรมการคุมลงไปส่งยังบ้านเมืองแถว ครั้นณปีวอกฉศก ๑๒๔๖ พระยาเมืองซ้ายขุนนางเมืองหลวงพระบางกับบ่าวไพร่ ๒๐ คน ขึ้นไปหาบิดาข้าพเจ้าที่เมืองไล บอกว่าพระยาพิไชย กับคนฝรั่งซึ่งเปนพระวิภาคภูวดลขุนนางกรุงเทพฯ แลเจ้าราชวงษ์เมืองหลวงพระบางขึ้นมาพักอยู่ที่เมืองแถงแล้ว ให้บิดาข้าพเจ้าลงไปคำนับพระยาพิไชยแลเจ้าราชวงษ์ที่เมืองแถง บิดาข้าพเจ้าบอกต่อพระยาเมืองซ้าย ว่าตั้งแต่ชราลงหูก็ตึงกาก็มืดมัว ให้ป่วยไปทุกวัน ลงไปมิได้ จึงให้คำกุ้ย คำล่า กับกรมการ ๔ คน คุมม้าผู้ ๔ ม้า กับบ่าวไพร่ ๑๐ คน ลงไปคำนับพระยาพิไชยแล พระวิภาคภูวดล เจ้าราชวงษ์ที่เมืองแถง พร้อมด้วยพระยาเมืองซ้าย แต่ม้านั้นให้พระยาพิไชยม้า ๑ ถวายเจ้าราชวงษ์ม้า ๑ ให้พระวิภาคภูวดลม้า ๑ แต่ให้พระยาเมืองซ้ายนั้นม้า ๑ กับเงินมุ่นหนัก ๓๐ บาทแล้วพระวิภาคภูวดลจึงชักรูปคำกุ้ย คำล่า กับกวางถือ กวางเหลง ฟูแย้เปารวม ๕ คน แล้วพระยาพิไชย แลเจ้าราชวงษ์ พระวิภาคภูวดล
หน้า:ประชุมพงศาวดาร (ภาค ๙) - ๒๔๖๑.pdf/95
หน้าตา