หน้า:ปัญญาส (๑๙) - ๒๔๗๑.pdf/23

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
10
ปัญญาสชาดก

พระเจ้ากรุงพรหมทัตหามีปรีชาไม่ หลงเชื่อถ้อยคำเสนาบดีและนางสุวรรณจัมปากเทวี ทรงพระพิโรธอย่างใหญ่ จึ่งบังคับรับสั่งอำมาตย์ว่า พวกอำมาตย์จงช่วยกันผูกแพให้ใหญ่ เอานางจันทากับกุมารใส่ไว้ในแพ ไปลอยเสียในแม่น้ำคงคา ฝ่ายพระนางจันทาเทวีและชนชาวบุรีทราบเหตุนั้นแล้วก็พากันร่ำร้องไห้ยกใหญ่

เตน วุตฺตํ เพราะเหตุนั้น พระบรมศาสดาพระองค์ได้ถึงสัมโพธิญาณแล้ว จึ่งนำเหตุเรื่องมาแสดงธรรมแก่พระสาริบุตร์ อันมีในจริยาปิฎกปกรณ์ว่า[1] ดูกร ธรรมเสนาบดีสาริบุตร เมื่อกาลครั้งก่อน เราผู้ตถาคตยังแสวงหาพระโพธิญาณอยู่ ได้เกิดเป็นราชโอรสแห่งพระเจ้าพรหมทัตณพรหมบุรีพระนคร พระราชานั้นหลงเชื่อถ้อยคำราชเทวีผู้ใจบาป นำเรา ตถาคต กับพระมารดา ไปลอยแพเสียในกระแสน้ำคงคา คราวนั้น พวกอำมาตย์และราษฎรทั้งหลายประชุมกันณหน้าพระลานหลวง พากันทูลขอพระบรมโพธิสัตวไว้ พระราชาก็มิได้ประทานให้ พากันร้องไห้ล้มลงณพื้นปถพี เหมือนป่ารังอันถูกลมยุคันธวาตพัดให้ล้มลงฉะนั้น กาลเมื่อใดพวกอำมาตย์เข้าจับเรา ตถาคต กับมารดา ใส่เข้าไว้ในแพใหญ่ กาลเมื่อนั้น มหัศจรรย์ก็เกิดเป็นโกลาหล เมทินีดลอันหนาได้สองแสนสี่หมื่นโยชน์ก็เกิดหวั่นไหวปานประหนึ่งว่าจะโสกเศร้า พระยาเขาสิเนรุเป็นที่พึ่งของโลกก็อ่อนเอนอยู่ไปมาเปรียบดังยอดหวายฉะนั้น ฝนก็ตกลงมาแต่เบื้องบน สาครก็คำรนร้องก้อง


  1. แต่หน้า ๑๐ บรรทัดที่ ๘ ถึงหน้า ๑๑ บรรทัดที่ ๒ เป็นความในจริยาปิฎก