หน้า:ปัญญาส (๑๙) - ๒๔๗๑.pdf/29

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
16
ปัญญาสชาดก

พูดแล้ว นางยักขเทวีจึ่งแก้ผ้าพันออก เห็นนิ้วก้อยนั้นมีสีเป็นทอง นางจึ่งถ่มน้ำลายรดนิ้วก้อย ๆ ที่เป็นสีทองนั้นก็หายไปทันที

ตั้งแต่นั้นมา นางยักขเทวีพร่ำสอนพระโพธิสัตวให้ตั้งอยู่ในโอวาท และตั้งใจอภิบาลบำรุงไว้สิ้นกาลนานนักหนา จนนางมีกายาซูบผอม เพราะอดอยากลำบากด้วยไม่ค่อยได้เนื้อสดมากิน วันหนึ่ง จึ่งยักขเทวีเรียกพระโพธิสัตวมาสั่งว่า พ่อลูกรักของมารดา ๆ จะไปป่าเที่ยวหาอาหาร พ่อจงอยู่เป็นสุขเถิดหนา พ่ออย่าเที่ยวซนไป สอนสั่งแล้วก็ไปป่าแสวงหาเนื้อเพื่อเป็นอาหาร

คราวนั้น พระโพธิสัตว เมื่อยักขินีไปป่าแล้ว จึ่งคิดว่า เมื่อเราอยู่ที่นี้จะมีประโยชน์อะไร เราจักประดับกายด้วยทิพาภรณ์แล้วหนีมารดาเลี้ยงไปเสียดีกว่าอยู่ คิดแล้วจึ่งขึ้นไปบนปราสาทชั้นบน ลงอาบน้ำทิพในบ่อทอง สกลกายก็ผุดผ่องเป็นทองไปหมด แล้วสวมเกราะรูปเงาะป่าเข้ากับกาย เหน็บพระขรรค์ด้ามแก้ว แล้วสอดเท้าเข้าในเกือกทอง จึ่งเหาะออกไปตามช่องสีหบัญชรลอยไปในอากาศ จนบรรลุถึงแว่นแคว้นแดนเมืองตักสิลา ได้เห็นบรรณศาลาหลังหนึ่งซึ่งตั้งอยู่นอกเมืองณฝั่งฟากโน้นใกล้แม่น้ำแห่งหนึ่ง จึ่งเหาะข้ามนทีไปอาศัยอยู่ณบรรณศาลานั้น

นางยักขเทวีแสวงหาอาหารในป่า ถึงเวลาเย็นก็กลับมายังปราสาทของตน ไม่เห็นสุวรรณสังข์บุตรเลี้ยงแล้วถามว่า แน่ะสาวใช้ ลูกของเราหายไปไหน ฯ ข้าแต่แม่เจ้า พวกข้าพเจ้าไม่รู้ว่า กุมารไปข้างไหน ยักขเทวีสดับคำสาวใช้บอกดังนั้น มีหฤทัยเร่าร้อน ไม่อาจ