หน้า:ปัญญาส (๑๙) - ๒๔๗๑.pdf/30

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
17
๓ สุวรรณสังขชาดก

ดำรงกายอยู่ได้ ร้องไห้หาไปในอุทยาน แล้วกลับมาขึ้นค้นที่ปราสาทชั้นบนก็มิได้เห็น นางนึกว่า ลูกของเราเห็นจักหนีเราไปแล้ว นางจึ่งตรวจดูของทิพ ๓ อย่าง คือ เกราะรูปเงาะป่า ๑ เกือกทองทั้งคู่ ๑ พระขรรค์ด้ามแก้ว ๑ หายไปมิได้เห็น จึ่งเข้าใจชัดว่า ลูกรักของเราหนีไปจริงแล้ว นางทั้งรักทั้งแค้นแสนอาลัยร้องไห้หา แล้วเหาะติดตามมาทางอากาศจนถึงฝั่งนที (คือ ฟากนี้เป็นแดนของยักษ) นางมองไปเห็นพระสุวรรณสังข์เธอนั่งอยู่ศาลาฝั่งน้ำโน้น (คือ ฝั่งโน้นเป็นแดนมนุษย์เมืองตักสิลา) ยักขเทวีก็มิอาจเหาะข้ามแม่น้ำนั้นได้ นั่งอยู่ในฝั่งนทีฟากนี้แล้วปลอบลูกด้วยปิยวาจาว่า พ่อลูกรักของแม่ดังดวงใจ เชิญพ่อกลับมาไปกับมารดาเถิด พ่อโกรธเคืองมารดาด้วยข้อไรจึ่งได้หนีมา มารดาตั้งใจรับรองกเลวระของพ่อไว้ และตั้งใจจะยกสรรพสมบัติและสาวใช้ทั้งปวงให้แก่พ่อ พ่อจะได้ดำรงค์วงศ์ประเพณีของมารดาต่อไป

ในที่นี้ มีคำถามเข้ามาว่า ยักขเทวีมีฤทธิมาก เหตุไรจึ่งไม่อาจเหาะข้ามนทีไปได้ มีคำแก้ว่า ยักขเทวีนั้นเหาะไปได้เท่าที่เขตต์แดนของตนเท่านั้น ไม่อาจเหาะไปนอกเขตต์แดนของตนได้ นางจึ่งนั่งร้องไห้อยู่ที่ฝั่งนทีฟากนี้ พระสุวรรณสังขกุมารได้สดับเสียงยักขมารดาร้องไห้และวิงวอนให้พระองค์กลับ พระองค์จึ่งร้องตอบว่า ข้าแต่มารดา ข้าพเจ้าไม่อาจอยู่กับมารดาได้ เชิญมารดากลับเสียเถิด ข้าพเจ้าเคยมาเป็นบุตรของมารดาเท่านี้เอง ถ้าหากว่าข้าพเจ้ากลับไป ก็จักได้ความ