หน้า:ปัญญาส (๑๙) - ๒๔๗๑.pdf/40

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
27
๓ สุวรรณสังขชาดก

ผู้ประเสริฐ พระองค์จงขับไล่ผัวเมียสองคนไปอยู่เสียใกล ๆ พระราชาก็ให้ขับไล่พระโพธิสัตวกับนางคันธาเทวีไปตามถ้อยคำอำมาตย์กราบทูล กษัตริย์ภัศดาและชายาทั้งสองพากันไปอยู่ที่ใกลเมืองออกไปมาก เมื่ออาศัยอยู่ที่นั้น ได้ความคับใจและถึงทุกขเวทนามากนัก พระโพธิสัตวจึ่งปลอบนางคันธาเทวีด้วยปิยวาจาว่า แน่ะท้าวนางผู้เจริญ พระนางอย่าโทมนัสน้อยใจเลย พระนางเสวยทุกขเวทนาก็เพราะอาศัยกุสลากุสลกรรมที่ทำไว้ พี่หาใช่คนชั่วช้าลามกไม่ พี่สมบูรณแล้วด้วยบุญญาธิการไม่ มหาชนทั้งปวงหารู้จักเราไม่

ครั้งนั้น พระเจ้ากรุงพาราณสีนึกถึงพระโพธิสัตวขึ้นมา ให้ละอายพระทัยนัก จึ่งดำริว่า มานพรูปทรพลคนชั่วช้าผู้นี้ เมื่อยังอยู่กับธิดาของเรา ๆ ขายหน้าประชาชนนัก ถ้าเราจักฆ่ามันเสียเงียบ ๆ ความครหาก็จักมีแก่เรา เราจักทำอุบายให้โทษผิดปรากฎขึ้นแล้วจึงฆ่าเสีย ดำริแล้วจึ่งปรึกษากับราชบุตรเขยทั้งหกว่า เราจักคิดอุบายแกล้งฆ่าเจ้าเงาะป่าเสีย ท่านทั้งหลายจะเห็นอย่างไร ฯ ข้าแต่สมมติเทวดา พระองค์จงทำพวกข้าพระบาทเหมือนจะไม่ปราณีเช่นดังเจ้าเงาะป่า จึ่งจะพ้นความครหา พระราชาทรงฟังดังนั้น จึ่งรับสั่งให้หาตัวเงาะป่าเข้ามาเฝ้า แล้วบังคับราชบุตรเขยทั้งเจ็ดว่า เราอยากจะกินเนื้อมฤค ท่านทั้งเจ็ดจงไปจับเนื้อมาให้เราคนละตัว ถ้าหากว่าท่านทั้งเจ็ดหาเนื้อมาให้เราไม่ได้ไซร้ เราจะฆ่าเสียสิ้น

ฝ่ายราชบุตรเขยทั้งเจ็ดรับราชดำรัสว่า สาธุ แล้วถวายบังคมลามาบ้านเรือนของตน บุตรเขยทั้งหกนั้นหารือกันว่า พวกเรามีบริวาร