หน้า:ปัญญาส (๑๙) - ๒๔๗๑.pdf/51

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
38
ปัญญาสชาดก

กล้ารับอาสาแก้ปัญหาและตีคลีกับพระอินทร์ได้ หน้าอัศจรรย์นัก แล้วพากันสรรเสริฐพระโพธิสัตวโดยประการต่าง ๆ ด้วยประการฉะนี้

ครั้นรุ่งขึ้นเช้า เป็นวันที่คำรบเจ็ด พระเจ้ากรุงพาราณสีมีหฤทัยหวาดเสียวราวกะว่าจะแตกออกไปได้เจ็ดภาค จึ่งบังคับอำมาตย์ผู้หนึ่งให้ไปเรียกเจ้าเงาะมาเร็ว ๆ อำมาตย์ผู้นั้นรับราชดำรัสแล้วก็ไปบอกพระโพธิสัตวว่ พระราชารับสั่งให้หาตัวท่านไปเดี๋ยวนี้ พระโพธิสัตวคิดว่า เวลานี้ ควรเราจะเข้าไปเฝ้าพระราชา จึ่งบอกกะนางคันธาเทวีว่า เวลานี้ พี่จะไปเฝ้าพระราชบิดา จึ่งพานางคันธาเทวีมาเฝ้าด้วยกัน แล้วนั่งอยู่ณทอันสมควรส่วนหนึ่ง พระเจ้ากรุงพาณาสีทอดพระเนตรพระโพธิสัตวนั่งอยู่พร้อมกับนางคันธาเทวีแล้วตรัสว่า พ่อเงาะจงแก้ปัญหาและตีคลีกับพระอินทร์แทนเรา ถ้าพ่อยังช้าเกินเวลาไปอีกนิดเดียว บิดาก็จักตายเดี๋ยวนี้

พระโพธิสัตวกราบทูลว่า ข้าแต่พระมหาราช ถ้าว่าพระองค์ทรงบังคับให้ข้าพระพุทธเจ้าแก้ปัญหาและตีคลีกับพระอินทร์ไซร้ พระองค์จงบอกให้พวกอำมาตย์และประชาชนให้มาประชุมพร้อมกันณที่นี้ก่อน พระราชาจึ่งให้พนักงานเอาเภรีไปตีประกาศให้พวกอำมาตย์และประชาชนมาประชุมพร้อมกันตามคำพระโพธิสัตว เมื่อพวกอำมาตย์และชาวประชาชนมาประชุมกันแล้ว พระโพธิสัตวจึ่งร้องประกาศแก่พวกอำมาตย์และชาวประชาชนว่า บัดนี้ ไม่มีผู้ใดอาจจะรับธุระแทนพระราชาได้ พระราชาทรงเจาะจงตัวเราให้ช่วยทำธุระแทนพระองค์ ถ้าหากพระอินทร์แพ้เราไซร้ พระราชาจะยกราชสมบัติให้แก่เราสิ้น มหาชนจงรู้เห็นเป็นพยานแก่เราด้วย