หน้า:ปัญญาส (๑๙) - ๒๔๗๑.pdf/53

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
40
ปัญญาสชาดก

อนึ่ง บุทคลผู้ใดเจริญจตุพรหมวิหารได้เป็นนิตย์ มิได้ปลงชีวิตสัตวให้ตกไป บุทคลผู้นั้นชื่อว่าสว่างไพโรจในโลกทั้งสอง คือ โลกนี้และโลกหน้า เมื่อพระโพธิสัตวแก้ปัญหาที่สองจบลงครั้งนั้น เทพดาและมนุษทำบูชาและให้สาธุการเหมือนนัยหนหลัง

พระโพธิสัตววิสัชนาปัญหาสองข้อเสร็จแล้ว จึ่งตีคลีกับพระอินทร์ณอากาศ รัศมีแห่งท้าวสักกเทวราชและพระโพธิสัตวทั้งสองก็แผ่ซ่านสว่างทั่วไปทั้งอากาศ เหมือนดังหยาดน้ำตาอันไหลจากนัยนาฉะนั้น สรรพเทพดาและมนุษย์เห็นแล้วก็ทำเสียงสาธุการแก่พระโพธิสัตวเป็นโกลาหล โถมนาการเชยชมตลอดถึงพรหมโลกเป็นที่สุด ท้าวสุชัมบดีตีคลีกับพระโพธิสัตวแพ้แล้วก็หนีไปยังเทวโลก พระโพธิสัตวโล่ตามพระอินทร์ไปหน่อยหนึ่ง จึ่งกลับลงมาถวายบังคมพระราชา ประชาราษฎรและอำมาตย์ราชกุมารทั้งหกได้เห็นพระโพธิสัตวกอบด้วยสิริวิลาศ มีอังคาพยพงามโอภาสเหมือนรูปหล่อด้วยทองคำทั้งแท่ง จึ่งซุบซิบพูดกันว่า เงาะป่ารูปร่างน่าเกลียดชังนักกลับมีบุญญานุภาพมากได้ เงาะป่านี้หลอกลวงพวกเราเพื่อจะเอาราชสมบัติของพระราชา

พระโพธิสัตวสดับพจนกถาหกกษัตริย์จึ่งตรัสว่า แน่ะท่านหกกษัตริย์ เมื่อพระราชบิดารับสั่งให้พวกเราไปหาเนื้อถวาย ท่านทั้งหกพบเรานั่งอยู่ณแผ่นสิลา ขอเนื้อกะเรา แล้วตัดใบหูบูชาเราคนละหน่อย เราก็ให้เนื้อแก่พวกท่านคนละตัว วันหนึ่ง ท่านทั้งหกไปหาสุกรในป่า พบเราเข้าอีก ได้ตัดนิ้วมือคนละหน่อยบูชาเรา ๆ ก็ให้สุกรแก่พวกท่านคนละตัว วันหนึ่ง ท่านทั้งหกไปหาปลา พบเราเข้า ได้ตัดปลายจมูก