หน้า:ปัญญาส (๑๙) - ๒๔๗๑.pdf/69

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
56
ปัญญาสชาดก

พระสุวรรณสังขราชกุมารก็ตกพระหฤทัยกลัวต่อข้าศึก จึ่งนึกถึงนางยักษินีว่า นางยักษินีมารดาเลี้ยงของเรา เดี๋ยวนี้ไปเกิดที่ไหน ดำริแล้วจึ่งร่ายทิพมนต์ที่มารดาให้ไว้ ก็ทราบชัดว่า นางยักษินีนั้นไปเกิดในชั้นจาตุมหาราชิกเทวโลก พระองค์จึ่งทรงฉลองพระบาททองเหาะไปสู่สำนักเทวธิดา ทำอภิวันทน์ แล้วบอกว่า พระแม่เจ้าข้า เดี๋ยวนี้พวกข้าศึกมาล้อมเมืองไว้แน่นหนา ข้าพเจ้าไม่เห็นใครจะเป็นที่พึ่งได้ เห็นอยู่แต่มารดาผู้เดียวจะเป็นทีพึ่งแก่ข้าพเจ้า พระมารดาเจ้าจงเป็นที่พึ่งแก่ข้าพเจ้ากับทั้งพวกชาวเมืองด้วยเถิด

นางเทวธิดานั้น ครั้นสะดับทราบความแล้ว ก็ให้มีความเมตตาต่อพระสุวรรณสังขราชกุมาร จึ่งประทานพระขรรค์ทิพชื่อ สิริชัย ให้แก่พระสุวรรณสังขราชกุมาร แล้วบอกว่า พ่อจงรับเอาพระขรรค์แก้วแล้วด้วยเทวฤทธิ์ที่มารดาให้นี้ไป ถ้าหากว่าปัจจามิตรมาข่มเหงแย่งราชสมบัติของพ่อไซร้ พ่อจงเหาะขึ้นบนอากาศ แล้วเอาพระขรรค์แก้วแกว่งบนศีร์ษะของพ่อไว้ หมู่ปัจจามิตรจะพ่ายแพ้กลับไปด้วยอำนาจรัตนขรรคาวุธ พ่อราชบุตรจงทำตามมารดาสั่งดังนี้

พระสุวรรณสังราชกุมารรับเอารัตนขรรคาวุธอันให้สำเร็จความปราร์ถนาจากเทวธิดาแล้ว ก็อำลากลับมายังสำนักราชบิดามารดา จึ่งพร้อมด้วยพลเสนาเสด็จออกจากพระนคร เหาะขึ้นบนอากาศ แล้วแกว่งทิพรัตนขรรคาวุธตามที่นางเทวธิดาบอกไว้ รัศมีพระขรรค์แก้วก็ลุกโพลงตกลงมาเสียงดังประเปรี้ยงเหมืองเสียงอสนี ประหนึ่งว่าจะทำมหาโยธาข้าศึกให้ตายไปหมดด้วยกัน พวกเสนานับได้เจ็ดอโขเภณี