หน้า:พงศาวดารเหนือ - ๒๔๗๔.pdf/32

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ยังไม่ได้พิสูจน์อักษร
๒๐

ปันหน้าที่ไว้แก่พราหมณ์จะได้เท่าใด ไทยจะได้เท่าใด ลาวจะได้เท่าใด ครั้นปันหน้าที่แล้ว พอได้ ณ วันพฤหัสบดี เดือน ๓ ขึ้นค่ำหนึ่ง ปีฉลู ฉศก เวลาเช้า ต้องกับเวลาเมื่อพระพุทธเจ้าฉันจันหันใต้ต้นสมอ วันนั้น พระอุบาฬีเถรแลพระคิริมานน์ก็นิพพานในที่นั้น แต่ก่อนก็เรียกว่า พนมสมอ บัดนี้ ก็เรียกว่า เขาสมอแครง เขาบรรจุพระธาตุเจ้าทั้งสองไว้ในที่นั้น แลครั้นพระสงฆ์องค์ใดเข้ามาอยู่ที่นั้น ก็ย่อมเรียกตามที่นั้นมาเป็นอรัญวาสี จ่านกร้องสร้างข้างตะวันตก จ่าการบุรณ์สร้างข้างตะวันออกแข่งกัน ทำปีหนึ่งกับ ๗ เดือนจึงแล้วรอบบ้านพราหมณ์ทั้งหลาย ทั้งคูก็รอบกัน หนทางเด็กเลี้ยงวัวลูกชาวบ้านหริภุญไชยไปมา ปั้นพระนอนเล่นทั้ง ๒ ฟาก เป็นประตู ๘ อันตามอันดับกัน เจ้าทั้งสองจะให้ชื่อประตู ก็ถามคนอันเป็นผู้เฒ่าผู้แก่ทั้งหลาย พราหมณ์ทั้งหลายจึงว่า ทั้งสองสิเป็นมหาเสนา การทั้งนี้ตามแต่ปัญญาเจ้าทั้งสองเถิด สร้างเมืองปีหนึ่งกับ ๗ เดือนจึงแล้ว ดังนี้แล ครั้นจ่านกร้อง จ่าการบุรณ์ ทำเมืองแล้วทั้ง ๒ ฟาก ทั้งทวารบานประตูบริบูรณ์แล้ว จึงสั่งชีพ่อพราหมณ์ให้รักษาเมือง ครั้นได้ฤกษ์ดี จึงนำเอาเกวียนแลคน ๕๐๐ เล่มขึ้นไป ๒ เดือนจึงถึงเมืองเชียงแสนราชธานี จ่าทั้งสองเข้าไปถวายบังคม จ่าทั้งสองจึงกราบทูลพระกรุณาว่า พระองค์เจ้าใช้ตูข้าไปถึงที่พระพุทธเจ้าฉันจันหันใต้ต้นสมอ สถานที่นั้นเป็นอันสนุกนักหนา ข้าพเจ้าชวนกับชะพ่อพราหมณ์ทั้งหลายสร้างเมืองถวายแก่พระองค์เจ้าแล้ว

พระเจ้าศรีธรรมไตรปิฎกยินดีนักหนา จึงมีพระราชโองการตรัสสั่งแก่เสนาอำมาตย์ให้ชุมนุมท้าวพระยาทั้งหลาย พระองค์จึงให้จ่าทั้งสอง