ถึงเมืองโอฆบุรีอันเป็นเมืองแห่งพระญาติ และพระยาญาติห้ามมิฟัง จึงออกไปกับพระยาทั้งหลายแห่ห้อมล้อมไปยังท้ายเมือง ตัดพระเกษาโกนเกล้าจึงพระยาญาติทั้งหลายก็เอาพระเกษาใส่ผอบทองบรรจุไว้ และพระองค์เจ้าก็อุปสมบทพระอุบาฬีเถรเป็นพระอุปัชฌาย์ พระคิริมานนท์เป็นกรรมวาจา พระสุเมธังกรเป็นอนุสาวนะ ชุมนุมพระสงฆ์ ๒๐๐ องค์ ทรงผนวช ณวันพฤหัศบดีเดือนหกขึ้นค่ำหนึ่ง เพลาเช้า ก็งามนักหนา ประดุจดังภิกษุอันได้ ๖๐ พรรษา สมเด็จพระเจ้าโกรพราช ยังอำมาตย์เสนาชวนกันสร้างอารามถวายแก่พระองค์ตามบทคาถาทั้งแปดบทดังนี้
ปฐมํ โพธิปัล์ลังกํ | ทุติยํ อนิมิส์สกํ, | |
ตติยํ จังกมํ เสฏ์ฐํ | จตุต์ถํ รตนาฆรํ. | |
ปัญ์จมํ อชปาลัญ์จ | มุจ์จลิน์เทน ฉัฏ์ฐมํ, | |
สัต์ตมํ สิริเทวานํ | อัฏ์ฐมํ ปรินิพ์พุตํ. |
ครั้นพระเจ้าโกรพราชสร้างอารามถวายแล้ว พระองค์เจ้าตั้งเมตตาปฏิบัติกรรมฐาน และพระสงฆ์ทั้งหลายให้ชื่ออริยสงฆ์แต่นั้นมา และพระเจ้าโกรพราชจึงให้สร้างพระเจดีย์บรรจุพระเกษไว้ จึงให้ชื่อว่าวัดจุฬามณีแต่นั้นมาถึงบัดนี้และ
๏ สมเด็จพระยาสุคนธคีรีเจ้าเมืองพิไชยเชียงใหม่ มีพระราชบุตรสองพระองค์ ๆ หนึ่งชื่อเจ้าไชยทัตกุมาร องค์หนึ่งชื่อเจ้าไชยเสนกุมารสองพระองค์เป็นพระภิกษุขึ้นไปเรียนพระไตรปิฎก ถึงเมืองภุกามได้สามพรรษาก็จบพระธรรมแล้ว เจ้าจึงไปเรียนไตรเพทข้างไสยสาตรได้จบบริบูรณ์ก็กลับมาเมืองวิเท่ห์ รื้อมาเมืองหงษา และมาอาไศรยอยู่อารามแห่งหนึ่งจะใคร่ลองคุณความรู้อัน