มาตรา ๓๕ การพิจารณาความตามพระราชบัญญัตินี้ ห้ามอย่าให้เรียกค่าฤชาธรรมเนียมอย่างหนึ่งอย่างใด เว้นไว้แต่คดีที่ฟ้องหาเรียกเอาค่าสินไหมเติมกับโทษด้วย จึงให้เรียกค่าธรรมเนียมขึ้นศาลจากโจทย์นั้น
มาตรา ๓๖ คำตัดสินความมีโทษทั้งปวงย่อมเปนที่สุด แลจะได้กระทำตามคำตัดสินนั้น คือ—
ข้อ ๑ เมื่อศาลชั้นแรกได้ตัดสินแล้ว ไม่มีฟ้องอุทธรณ์ภายในกำหนด ฤๅคู่ความทั้งสองฝ่ายลงลายมือยอมตามคำตัดสินอย่างหนึ่ง, กับ—
ข้อ ๒ เมื่อศาลอุทธรณ์ได้ตัดสินแล้ว แลไม่มีฎีกา ก็ต้องกระทำโทษตามคำตัดสินนั้น เว้นไว้แต่คำตัดสินโทษประหารชีวิตร ฤๅริบทรัพย์สมบัติ จึ่งต้องงดไว้ทำตามความที่ว่าไว้ในมาตรา ๓๙ ต่อไปนี้
มาตรา ๓๗ เมื่อคำตัดสินได้ถึงที่สุดแล้ว ผู้ต้องหานั้นไม่มีโทษแล้ว ก็ต้องปล่อยตัวเสียทันที แลจะกลับเอาตัวมากักขังฤๅตัดสินลงโทษในคดีอันเดียวกันอีกนั้นไม่ได้
มาตรา ๓๘ เมื่อศาลที่ได้พิจารณาชั้นแรกนั้นได้ตัดสินลงโทษประหารชีวิตร ฤๅริบทรัพย์สมบัติ แลจำคุกจนตลอดชีวิตรในคดีเรื่องใด ต้องให้ส่งสำนวนคดีเรื่องนั้นมาให้ศาลอุทธรณ์ตรวจก่อน ศาลอุทธรณ์ตัดสินยืนตามนั้นแล้ว จึ่งจะเปนถึงที่สุดได้
มาตรา ๓๙ คำตัดสีนอันใดอันหนึ่งซึ่งถึงที่สุดแล้ว แลเปนคำตัดสินมีโทษประหารชีวิตร ริบทรัพย์สมบัติ ฤๅจำคุกจนตลอดชีวิตรก็ดี ต้องให้เสนาบดีกระทรวงยุติธรรมนำคำตัดสีนนั้นทูลเกล้าฯ ถวาย ถ้ามีฎีกาของผู้ต้องตัดสินโทษนั้นด้วย ก็ให้ทูลเกล้าฯ ถวายพร้อมกัน เมื่อทราบกระแสพระบรมราชโองการให้เปนไปตามคำพิพากษา ฤๅทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้งดเว้นเสียประการใด จึ่งให้กระทำตามพระบรมราชโองการนั้นทุกประการ