หน้า:พรบ วิอ ๑๑๕.pdf/3

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
๕๘
เล่ม ๑๓
ราชกิจจานุเบกษา


มาตรา  เมื่อได้ตัวคนผู้ต้องหามาแล้ว ต้องให้ผู้พิพากษาไต่สวนถามให้ได้ความแน่ว่า ผู้ต้องหาจะให้การแก้คำฟ้องฤๅคำหาว่ากระไร แลให้เอาตัวคนทั้งหลายผู้รู้เหตุการในคำฟ้องคำหานั้นมาสาบาลตัวถามเปนพยานเอาถ้อยคำเปนหลักฐานไว้ชั้นหนึ่งก่อน แล้วให้ผู้พิพากษาไต่สวนพิเคราะห์ดูถ้อยคำของพยานเหล่านั้นจงถ่องแท้ว่า พอควรจะฟังเอาว่าคนผู้ต้องหาฤๅผู้ต้องกล่าวโทษนั้นมีพิรุทธ์ฤๅไม่



มาตรา  คู่ความจะซักไซ้ถามพยานคนหนึ่งคนไดตามพระราชบัญญัติลักษณพยานได้ทั้งพยานฝ่ายโจทย์ฝ่ายจำเลย แลคำตอบของพยานต่อคำถามเช่นนี้ ต้องให้ฟังเอาเปนคำพยานด้วย



มาตรา  ถ้าผู้พิพากษาพิเคราะห์ดูเหตุผลแลถ้อยคำของพยานทั้งปวงโดยถ่องแท้แล้ว เห็นว่า ถ้อยคำของพยานเหล่านั้นไม่ควรฟังได้ว่าคนผู้ต้องหามีพิรุทธ์ประการใด ฤๅถ้อยคำของพยานเหล่านั้นไม่มีมูลพอที่จะสั่งให้เอาตัวคนผู้ต้องหาไว้พิจารณาต่อไป เมื่อวินิจฉัยเห็นแน่ดังนี้แล้ว ก็ให้ผู้พิพากษามีคำสั่งให้ปล่อยคนผู้ต้องหานั้นหลุดพ้นไปทีเดียวไม่เกี่ยวข้องต้องพิพาทด้วยคดีนั้นต่อไป ถ้าผู้พิพากษาไต่สวนพิเคราะห์ดูถ้อยคำของพยานทั้งปวงโดยถ่องแท้แล้ว เห็นว่า ถ้อยคำของพยานเหล่านั้นพอควรฟังได้ว่าคนผู้ต้องหานั้นมีพิรุทธ์บ้างแล้ว แลถ้าผู้พิพากษาศาลไต่สวนนั้นมีอำนาจที่จะพิจารณาความตลอดไปได้ ก็ให้กำหนดนัดวันเวลาที่จะพิจารณาต่อไป แต่ถ้าศาลไต่สวนนั้นไม่มีอำนาจที่จะพิจารณาความต่อไปได้ ก็ให้ผู้พิพากษากำหนดวันแลเวลาที่จะส่งคดีนั้นไปยังศาลที่สมควรจะชำระกำหนดเวลาพิจารณาต่อไป แลให้ส่งตัวคนผู้ต้องหาไปขังไว้ในตรางคอยกำหนดวันพิจารณา ฤๅจะอนุญาตให้คนผู้ต้องหามีประกันไปก็ได้ สุดแต่ผู้พิพากษาจะเห็นสมควรแก่รูปความอันมีโทษหนักแลเบา



มาตรา  บรรดาความอาญาทั้งปวงซึ่งมีโทษหลวง เช่น ความหาว่าขบถประทุษฐร้าย หาว่ากระทำการผิดร้ายฆ่าคนตาย หาว่ากระทำโจรกรรมปล้นสดม หาว่าลอบลักทิ้งไฟ หาว่าฉ้อบังพระราชทรัพย์ หาว่าทำเงินอัฐทองแดงปลอม หาว่ากรรโชกราษฎรกดขี่ด้วยอาญา