หน้า:พระราชดำรัสฯ แก้ไขการปกครองแผ่นดิน - ๒๔๗๐.pdf/14

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว

รวบรวมจำนวนคนฝ่ายพลเรือนคนหนึ่ง ฝ่ายทหารคนหนึ่งเท่านั้น อีกประการหนึ่ง การซึ่งแบ่งเปนฝ่ายพลเรือนฝ่ายทหารนั้น ถึงว่ากฎหมายจะรับยกไพร่หลวงฝ่ายทหารแลฝ่ายพลเรือนผิดกันบ้างในที่บางแห่ง แต่การที่ใช้ไปทัพจับศึกอันใด ก็ใช้ทั้งสองฝ่ายเหมือนกันเสมอกัน จนไม่เข้าใจได้ว่าซึ่งแบ่งเป็นฝ่ายทหารฝ่ายพลเรือนนี้มีประสงค์แต่เดิมอย่างไร แต่คงต้องเข้าใจว่า การที่แบ่งไว้แต่เดิมเช่นนี้ คงมีตำแหน่งน่าที่ผิดกัน แต่หากเลือน ๆ กันมาด้วยเหตุต่าง ๆ จนคงเปนแต่สมุหบาญชีอย่างเช่นเปนกันอยู่ในประจุบันนี้

ส่วนตำแหน่งราชการของท่านอรรคมหาเสนาบดีทั้ง ๒ คน นอกจากที่เปนสมุหบาญชี ที่เปนการสำคัญ ก็บังคับการหัวเมืองอย่างหนึ่ง บังคับศาลชำระความซึ่งขึ้นอยู่ในกรมนั้นอย่างหนึ่ง ตำแหน่งซึ่งได้บังคับการหัวเมืองนี้ คงจะแบ่งบังคับอยู่ใน ๒ กรมนี้แต่เดิมมา ท่านอรรคมหาเสนา ๒ คนนี้ เปนผู้ถือตราพระราชสีห์พระคชสีห์ซึ่งนับว่าเปนตราหลวงฉเพาะแต่ดำเนินพระบรมราชโองการอย่างเดียวจึ่งจะมีไปได้ แต่เมื่อมีเหตุเปลี่ยนแปลงไป คือเมื่อสมุหพระกระลาโหมมีความผิดก็ยกหัวเมืองขึ้นกระลาโหมไปขึ้นกรมท่า ใช้ตราบัวแก้วเปนตราดำเนินพระบรมราชโองการอีกดวงหนึ่ง กระลาโหมไม่มีหัวเมืองขึ้น ตลอดมาจนแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก จึ่งได้ยกหัวเมืองกรมท่ากลับมากระลาโหม แบ่งเมืองมหาดไทยมาบ้างคงไว้ให้กรมท่าบ้าง จึ่งได้เกิดเปนกรมที่บังคับหัวเมืองขึ้นเปน ๓ ทั้งกรมท่า การซึ่งแบ่งฝ่ายพลเรือนฝ่ายทหาร ซึ่งดูเหมือนว่าน่าที่ฝ่ายพลเรือนจะอยู่รักษา