หน้า:พระราชดำรัสฯ แก้ไขการปกครองแผ่นดิน - ๒๔๗๐.pdf/49

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
๓๘

ของหลวงแลที่จะว่าความอันเกี่ยวข้องด้วยพระราชทรัพย์ ได้กล่าวมาข้างต้นๆนั้นแล้ว บัดนี้จะว่าด้วยการซึ่งเปลี่ยนแปลงไปใหม่ในชั้นหลังๆจนถึงตั้งหอรัษฎากรพิพัฒน์ รวมพระคลังสินค้าในซ้ายคลังในขวาต่อไป จะต้องว่าด้วยคลังสินค้าก่อน กรมพระคลังสินค้านี้เกิดขึ้นด้วยการแต่งสำเภาเปนพนักงานอันหนึ่งซึ่งตั้งขึ้นใหม่พร้อมๆกับกรมท่าซ้ายกรมท่าขวา เพราะว่าแต่ก่อนเจ้าพระยาพระคลังเปนผู้แต่งสำเภาไปค้าขายต่างประเทศ กรมพระคลังสินค้าจึงได้เนื่องอยู่ในกรมพระคลังเปนพนักงานสำหรับที่จะรับของส่วยซึ่งเกณฑ์ไปสำหรับมาเปนสินค้าส่งลงสำเภา แลเปนผู้จัดซื้อสินค้าซึ่งไม่มีในส่วย แต่จะบันทุกสำเภาไปขายได้กำไรคลังสินค้าเปนพนักงานที่จะจัดซื้อของเหล่านั้นในเวลาที่ของราคานั้นราคาถูกจะได้ไปขายมีกำไร คือเปนผู้คิดการค้าขายของเจ้าแผ่นดิน ครั้นเมื่อเจ้าพระยาพระคลังเหลวไหลไปบ้าง พระเจ้าแผ่นดินมีพระราชประสงค์จะพระราชทานผลประโยชน์เสศเลยในการแต่งสำเภาแก่ผู้อื่น แต่งคลังสินค้าก็เปนผู้จ่ายสินค้าทั้งปวงนั้นให้แก่ผู้แต่งสำเภา เมื่อเจ้าพระยาพระคลังไม่ได้จัดการแต่งสำเภาช้านานไปก็ไม่มีการอันใดที่จะเกี่ยวข้องกับพระคลังสินค้าๆก็กลายเปนไม่ได้ขึ้นเจ้าพระยาพระคลัง เปนกรมหนึ่งลอยตัวอยู่ต่างหาก ครั้นเมื่อภายหลังบ้านเมืองบริบูรณ์ขึ้น การแต่งสำเภาไปค้าซึ่งเปนเสี่ยงทายเคราะห์ดีเคราะห์ร้ายอยู่หน่อยๆลดถอยไปด้วยเกิดอากรขึ้นใหม่ๆได้เงินมาใช้ในราชการแผ่นดินแน่นอนดีกว่ากำไรค้าสำเภา อากรเหล่านั้นให้เรียกว่าภาษี เพราะเปนอากรที่เกินที่เรียกมาแต่ก่อน เปนของเกิดขึ้นใหม่