หน้า:พระราชดำรัสฯ แก้ไขการปกครองแผ่นดิน - ๒๔๗๐.pdf/52

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
๔๑

ทำสองเท่าสามเท่าเปนอย่างน้อย ส่วนพระคลังราชการนั้นเปนพนักงานที่จะรับของส่วยซึ่งมาแต่หัวเมืองขึ้นกรมท่า คืออาสนาเปนต้น แต่สิ่งของที่ส่วยเหล่านั้นก็ไม่พอที่จะใช้ราชการอย่างหนึ่งอย่างใด ตกลงเปนกรมที่สำหรับจัดซื้อสิ่งของเหล่านั้น เบิกเงินหลวงไปใช้เหมือนคลังในซ้ายในขวา แต่กรมนี้เปนเคราห์ดีที่ได้ว่าภาษีฟืน ซึ่งเปนภาษีมีผลประโยชน์มาก เจ้าพระยาพระคลังซึ่งกลายไปเปนผู้ว่าการต่างประเทศจึงยังหวงแหนเปนเจ้าของอยู่ แต่เมื่อภาษีฟืนเปนภาษีพระราชทานขาดไปฉเพาะตัว เจ้าพระยาพระคลังก็ไม่เปนธุระอันใดในราชการนักต่อเมื่อถอนภาษีฟืนจากผู้ที่ทำประจำตัวได้ เจ้าพระยาพระคลังจึงได้เปนธุระในการคลังราชการมากขึ้น ความเสียอันใดจองคลังราชการก็เหมือนกับสองคลังที่ว่ามาแล้ว คลังวิเสศอีกคลังหนึ่ง เปนคลังผ้าทั้งปวงยกเสียแต่ผ้าเหลืองซึ่งเปนจองคลังศุภรัต แลเปนผู้เบิกเงินใช้ในการเบ็ตเตล็ด คือเงินท้ายที่นั่งแลนิตยภัตรพระสงฆ์ แต่เดิมก็คงจะมีการมากคล้ายๆกับคลังในซ้ายในขวา แต่ครั้นภายหลังมาจะเปนด้วยแพรผ้าต่างๆเปนของเก็บรักษายาก แลพระเจ้าแผ่นดินเปนธุระมากในการที่จะบำเพ็ญพระราชกุศลเปนต้น จึงได้ส่งผ้านั้นเข้ามาเก็บไว้เสียพระคลังใน คลังวิเสศก็กลายเปนแต่ผู้สำหรับรับออกไปพระราชทานแต่ผู้หนึ่งผู้ใดฤาถวายในเวลาจะบำเพ็ญพระราชกุศล ทางที่จะหาผลประโยชน์นั้นก็คับแคบจนกลายเปนคลังร้าง ไม่ใคร่จะมีใครมาสมัคอยู่ในตำแหน่งนั้น ยังกรมพระคลังสวนอีกคลังหนึ่งขึ้นอยู่ในกรมพระคลังมหา