หน้า:พระราชบัญญัติตั้งศาลรับสั่งฯ สำหรับชำระคนในบังคับสยามที่ฯ ทุ่งเชียงคำฯ ร.ศ. ๑๑๒.pdf/5

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
เล่ม ๑๐
๕๐๓
ราชกิจจานุเบกษา

ความด้วยปากก็ดี เปนล่ามในคดีเรื่องใดเรื่องหนึ่งในศาลนี้

ข้อ ๑๖ ในเวลาชำระความนี้ ศาลจะเห็นสมควรเองฤๅคู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะร้องขอก็ดี ให้ศาลหมายเรียกคนในบังคับไทยมาให้การเปนพยานฤๅให้นำหนังสือสำคัญอันใดมา ฤๅจะซักถามผู้นั้นก็ได้ แลถ้าเปนการจำเปน ศาลจะออกหมายให้เกาะกุมผู้นั้นมาก็ได้

ข้อ ๑๗ ถ้าความปรากฏเห็นว่า คนในบังคับต่างประเทศจะเบิกความเปนแก่นสารในคำพยานของฝ่ายโจทฤๅฝ่ายจำเลยก็ดี ศาลจะขอให้เสนาบดีว่าการต่างประเทศจัดการตามความที่จำเปนจะต้องคิดกับราชทูตฤๅกงสุลต่างประเทศผู้ที่สมควรจะจัดได้เพื่อที่จะให้คนในบังคับต่างประเทศนั้นได้มายังศาลนี้ก็ได้ เงินค่าเดินทางแลค่าใช้สอยอื่น ๆ ของพยานเหล่านี้จะได้จ่ายเงินหลวงให้

ข้อ ๑๘ ผู้ต้องหาจะร้องขอเมื่อพยานได้เบิกความแล้วนั้นว่า ให้พยานบางคนออกไปเสียนอกศาลก็ได้ แลจะร้องขอให้ถามพยานคนหนึ่งฤๅหลายคนอีกโดยถามทีละคนฤๅให้เบิกความยันกันต่อปากซึ่งกันแลกันก็ได้ อธิบดีผู้พิพากษาจะบังคับให้ก็ได้ แลทนายแผ่นดินจะร้องขอให้ทำอย่างนั้นก็ได้เหมือนกัน

ข้อ ๑๙ ถ้าหลายคนต้องหาในคดีเรื่องเดียวกันแล้ว ในเวลาถามพยานอยู่ฤๅถามแล้วก็ดี อธิบดีผู้พิพากษาจะบังคับให้ผู้ต้องหาคนหนึ่งฤๅหลายคนออกเสียนอกศาลก็ได้ แลจะแยกถามผู้ต้องหาทีละคนในเหตุการบางข้อในคดีนั้นก็ได้ แต่เมื่อได้เรียกผู้ต้องหาที่ให้ออกไปนอกศาลนั้นกลับเข้ามายังน่าศาลขณใด อธิบดีผู้พิพากษาต้องบอกให้ผู้ต้องหานั้นทราบความที่พิจารณาได้ในเวลาผู้ต้องหาไม่ได้อยู่ในขณนั้น

ข้อ ๒๐ อธิบดีผู้พิพากษาเปนผู้วินิจฉัยว่า จะลำดับข้อหาตามความที่ว่าเปนจริงหลายข้อต่อผู้ที่ต้องหาหลายคนในคดีอันเดียวกันนั้น ควรพิจารณาข้อใดก่อนแลหลัง

ข้อ ๒๑ เมื่อได้สืบสวนทวนพยานเสร็จแล้ว ทนายแผ่นดินจะได้ร่างจดหมายข้อปัญหาตามกฎหมายแลตามความจริงซึ่งศาลจะตัดสินให้ถูกต้องได้ ในการที่ทนายแผ่นดินจะทำนี้จะต้องฟังตามความเห็นซึ่งผู้แทนรีปับลิกฝรั่งเศสจะพึงแจ้งความให้ทราบเพื่อเปนที่อุดหนุนในคำหานั้นด้วยแล้ว

ขณนั้น ผู้ต้องหาฤๅทนายของผู้ต้องหานั้นจะได้กระทำคำชี้แจงร้องต่อศาล แล้วถ้าทนายแผ่นดินเห็นควร จะทำคำตอบร้องต่อศาลก็ได้ แต่คำท้ายที่สุดก่อนตัดสินนั้นให้เปนข้างผู้ต้องหาฤๅทนายของผู้ต้องหาได้กล่าวต่อน่าศาล แล้วจะได้เลิกนั่งศาลสำหรับไปปรับสัตย์ตัดสินกัน

ข้อ ๒๒ ให้อธิบดีผู้พิพากษามีอำนาจตามความที่จะคิดเห็นชอบในการที่จะได้บังคับบัญชาให้การเปนไปโดยควร เพื่อที่จะให้ศาลคิดเห็นการที่จะเอาใจตนไปใส่