จะพึงเปนอันไม่ได้ตัดสินตกลงเว้นไว้แต่ได้เห็นมากกว่ากันอย่างต่ำที่สุดก็ ๔ ความเห็นใน ๗ คนนั้น
ถ้ามีความเห็นแตกต่างกันมากกว่าสองอย่างขึ้นไปในความเห็นข้อเดียวกัน แลถ้าในความเห็นนั้นไม่เปนอันเห็นมากกว่ากันแต่อย่างใดอย่างหนึ่งแล้ว ผู้พิพากษาผู้มีความเห็นอันไม่ชอบอย่างยิ่งแก่ผู้ที่ต้องหานั้นจำเปนต้องยอมตามความเหนอย่างอื่นทั้งปวง
อนึ่ง เปนพระบรมราชประสงค์แลเปนพระกระแสรับสั่งเฉพาะว่า ในการที่ผู้พิพากษาออกความเห็นต่อข้อปัญหาในกฎหมายแลในความจริงซึ่งจะต้องวินิจฉัยนั้น ผู้พิพากษาศาลนี้จงได้คิดตริตรองดูแต่โดยใจเย็น ๆ ในเหตุที่สมควร แลแต่โดยเอาใจของตนเข้าใส่ในใจของลูกความนั้น อย่าได้ปล่อยใจให้เห็นผิดไปโดยอคติ เห็นแก่หน้าบุทคลฤๅเห็นแก่ชาติของผู้ใด ดังนี้แล้ว คำตัดสินของศาลจะได้เปนการที่สมได้ที่สุดกับความจริงแลความยุติธรรม
ข้อ ๒๖ ศาลที่จะนั่งชำระความก็ดี ฤๅสำหรับที่จะอ่านคำตัดสินก็ดี ให้เปนที่เปิดเผย อธิบดีผู้พิพากษามีอำนาจที่จะขับไล่ฤๅห้ามไม่ให้อยู่ในศาลบรรดาคนผู้ที่กีดขวางฤๅขัดขวางทางพิจารณาคดีในศาลนั้น
ข้อ ๒๗ ให้จัดการให้ผู้แทนคอเวอนเมนต์ฝรั่งเศสได้กระทำการตามอำนาจซึ่งได้มีในหนังสือสัญญาคอนเวนชัน ลงวันที่ ๓ ตุลาคม รัตนโกสินทร์ศก ๑๑๒ ที่จะมาศาลในการชำระความนั้นโดยสะดวกทุกประการ
ข้อ ๒๘ ศาลรับสั่งพิเศษที่ตั้งขึ้นโดยพระราชบัญญัตินี้ ให้มีตราสำหรับใช้ในศาลตามอย่างที่ผู้แทนเสนาบดีว่าการยุติธรรมจะมีหนังสือวางแบบไว้ให้ด้วย
ข้อ ๒๙ จดหมายเหตุของการชำระความนี้ให้เขียนไว้ แลให้ลงชื่ออธิบดีผู้พิพากษา ผู้พิพากษารอง กับยกระบัตรศาล แลประทับตราสำหรับศาลด้วย
จดหมายเหตุกับทั้งคำให้การพยานที่เขียนมาแลที่จดไว้ในเวลาเบิกความที่ศาลนั้น ให้รักษาไว้ณกองเก็บหนังสือของกระทรวงยุติธรรม
สำเนาจดหมายเหตุการณ์ชำระความแลคำพยานที่จัดไว้นั้น เมื่อได้ตัดสินแล้ว ให้ไปส่งยังราชทูตรีปับลิกฝรั่งเศสด้วย
ประกาศมาแต่ณวัน ๕ ที่ ๘ กุมภาพันธ์ รัตนโกสินทร์ศ๒ก๖ ๑๑๒ เปนวันที่ ๙๒๒๑ ในรัชกาลปัตยุบันนี้
วันที่ ๔ ที่ ๕ ที่ ๖ กุมภาพันธ์ รัตนโกสินทรศ๒ก๖ ๑๑๒ สามวันนี้ เปนสมัยแห่งตรุศจีน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเคยบำเพ็ญพระราชกุศลถวายอาหารบิณฑบาตแก่พระสงฆ์วันละ ๒๐ รูป