หน้า:พงศาวดาร (หัตถเลขา) - ๒๔๕๕ (๑).pdf/126

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
๖๙

 ฝ่ายพระเจ้ากรุงศรีสัตนาคนหุตแจ้งว่า สมเด็จพระมหินทราธิราชยกกองทัพเรือขึ้นมาเหมือนกำหนด ก็ดีพระไทย ตรัศให้ยกพลเข้าปีนเมือง แลแต่งทหารห่มเสื้อเหลืองสามพันหนุนพลเข้าไป เจ้าน่าที่เชิงเทินก็สาดปืนไฟแหลนหลาวต้องชาวล้านช้างตายมากนัก พระเจ้ากรุงศรีสัตนาคนหุตเห็นดังนั้น ก็เสด็จยกพลเข้ายืนช้างที่นั่งแฝงวิหารอยู่แทบริมคูเมือง ให้เจ้าน่าที่ทำทุบทูบังตัวข้ามคูเข้าไปขุดถึงเชิงกำแพงเมือง ชาวพระพิศณุโลกผู้รักษากำแพงพุ่งอาวุธลงมามิได้ต้อง จึงพระมหาธรรมราชาก็เสด็จไปยืนช้างที่นั่ง ตรัศให้ขุนศรีเอาพลอาสาห้าร้อยออกทลวงฟัน พลลาวก็พ่ายออกไป พระเจ้ากรุงศรีสัตนาคนหุตก็ถอยไปยังค่ายหลวง แลบัญชาให้นายทัพนายกองตั้งบรรชิเมือง.

 ฝ่ายสมเด็จพระมหาธรรมราชาดำริห์การที่จะทำลายทัพเรือ ก็ตรัศให้เอาไม้ไผ่ผูกแพกว้าง ๑๐ วา ยาว ๒๐ วา ๕๐ แพ แล้วเอาเชื้อเพลิงใส่เต็มหลังแพ ชันน้ำมันยางรดทั่วไปทั้งนั้น แลให้แต่งเรือเร็วไว้สองลำสำหรับจะได้จุดเพลิง ครั้นจัดการเสร็จณเดือน ๔ ขึ้นสี่ค่ำ เพลาเดือนตก ก็ให้ปล่อยแพติดกันลงไปถึงคุ้งเหนือวัดจุฬามณี เรือเร็วสองลำก็เอาเพลิงจุดเชื้อไฟหลังแพคลอดขึ้นมาทั้งสองข้าง เพลิงก็ติดรุ่งโรจเปนอันหนึ่งอันเดียว น้ำที่นั้นตื้นเชี่ยวก็พัดแพเร็วลงไป กองทัพเรือมิทันรู้ตัว เห็นแพไฟเต็มแม่น้ำลงมาก็ตกใจ ลงเรือทันบ้างมิทันบ้าง เยียดยัดคับคั่งเปนโกลาหล แพไฟก็ไหม้เรือต่อกันไป เสียเรือแลผู้คนตายเปนอันมาก เรือแลคนกองน่าที่เหลือนั้นก็ล้นลงไปยังทัพหลวงณปากน้ำพิง.