หน้า:พงศาวดาร (หัตถเลขา) - ๒๔๕๕ (๑).pdf/213

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
๑๕๖

องค์สรงมุรธาภิศกถวายอาเศียรพาทอวยไชย สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ทรงเครื่องประดับสำหรับบรมราชกระษัตริย์สู่สมรภูมิสงคราม วันนั้นวันอาทิตย์ ทรงพระแสงธนู แล้วเสด็จขึ้นเกยคอยฤกษ์ แลชีพ่อพราหมณ์ตั้งโขลนทวารลว้าเส้นไก่ ขุนมหาวิไชยตัดไม้ข่มนาม เสร็จแล้ว พอได้ยินสำเนียงปืนยิงยุทธแย้งสุดเสียง ตรัศให้หมื่นทิพเสนาเอาม้าเร็วไปฟังราชการ เห็นทัพน่าพ่ายเปนอลหม่าน หมื่นทิพเสนาพาเอาขุนหมื่นในกองน่าเข้ามาเฝ้า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวตรัศถามว่า เหตุใดจึงพ่ายข้าศึก ขุนหมื่นกราบทูลพระกรุณาว่า ยกขึ้นมาปะทะตีกันถึงตลุมบอน ศึกหนักกว่าทุกครั้ง จึงพ่าย สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวตรัศดูความคิดมุขมนตรีว่า ทัพน่าพ่ายดังนี้จะคิดประการใด เสนาบดีมนตรีมุขกราบทูลว่า ขอเชิญเสด็จตั้งมั่นอยู่ก่อน แต่งทัพไปรับหน่วงไว้ ต่อได้ทีแล้วจึงยกทัพหลวงออกทำยุทธหัตถี เห็นจะได้ไชยชำนะ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไม่เห็นด้วย ดำรัศว่า ทัพน่าแตกฉานมาแล้ว แลจะแต่งทัพออกรับ จะมาปะทะกันเข้า จะพลอยให้แตกเสียอิก ชอบให้เปิดลงมาทีเดียว ให้ข้าศึกไล่ละเลิงใจเสียขบวนมา เราจึงยกทัพออกยอข้าศึก เห็นจะได้ไชยชำนะโดยง่าย ท้าวพระยามุขมนตรีทั้งปวงกราบถวายบังคมพร้อมกันเห็นโดยพระราชดำริห์ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ตรัศให้หมื่นทิพเสนา หมื่นราชามาตย์ ขี่ม้าเร็วขึ้นไปประกาศแก่นายทัพนายกองพลทหารทั้งปวงอย่าให้รอรับเลย ให้เปิดลงมาทีเดียว.

 ฝ่ายทัพรามัญเห็นทัพชาวพระนครพ่ายมิได้ตั้งรับ ก็ยิ่งมีใจกำเริบ ไล่ระส่ำระสายมิได้เปนกระบวน สมเด็จพระนเรศวรเปนเจ้าเสด็จ