หน้า:พระราชพงษาวดาร ฉบับพระราชหัดถเลขา ภาค ๑ (๒๔๕๕) b.pdf/224

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
๑๖๕

ลงทุกที บัดนี้เล่า พิเคราะห์ดูพระเจ้าหงษาวดีเสียพระมหาอุปราชาราชบุตรเหมือนหนึ่งพระกรขวาขาด สมเด็จพระนเรศวรเปนเจ้ากับสมเด็จพระอนุชาธิราชเล่าทรงพระราชกฤษฎาเดชานุภาพทวีขึ้นดุจหนึ่งพระทินกรสถิตย์ลอยอยู่เหนืออากาศปราศจากเมฆขณะเมื่อเพลาเที่ยง แสงรัศมีมีแต่กล้าขึ้นไป ที่ไหนกรุงหงษาวดีจะพ้นเงื้อมพระหัดถ์ จำเราจะลงไปอ่อนน้อมถวายราชบรรณาการพึ่งพระเดชเดชานุภาพจึ่งจะพ้นไภยอันตราย แสนท้าวพระยาลาวทั้งปวงได้ฟังพระราชบัญชาก็มีความยินดีดุจหนึ่งมัณฑุกชาติอันพ้นจากปากอสรพิศม์ พระเจ้าเชียงใหม่จึ่งให้แต่งลักษณพระราชสาสนให้นันทะพะยะกับแสนหลวงจำทูลพระราชสาสนคุมเครื่องราชบรรณาการมาโดยด่านเมืองจาก พระยากำแพงเพ็ชรก็แต่งขุนหมื่นกรมการคุมทูตลงมาถึงพระนครศรีอยุทธยา อรรคมหาเสนาธิบดีจึ่งเข้ากราบบังคมทูล พระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวทั้งสองพระองค์เสด็จออกพระที่นั่งมังคลาภิเศกพร้อมด้วยหมู่มุขอุไภยสมุหมนตรีกระวีราชปโรหิตาโหรจารย์เฝ้าพระบาทบงกชมาศดาษดาดั่งดวงดารากรรายรอบพระรัชนิกรเทวบุตร จึงดำรัศสั่งให้เบิกทูตานุทูตเข้าเฝ้า พระศรีภูริปรีชาอ่าน ในลักษณพระราชสาสนนั้นว่า พระเจ้าเชียงใหม่ผู้เปนอธิปไตยในมลาวประเทศข้อน้อมศิโรดมถวายวันทนประณามมหา แทบพระบวรบาทยุคลสมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวทั้งสองพระองค์ ด้วยข้าพระบาทแต่ก่อนขัดพระราชอาชญาท่านผู้เปนอิศราธิบดีในรามัญประเทศมิได้ จำยกพยุหโยธามากระทำจลาจลแก่กรุงพระมหานครศรีอยุทธยาเปนหลายครั้งให้เคืองใต้เบื้องบาทบงกชมาศ ขอพระองค์จงทรงพระมหาการุญภาพ บัดนี้ ข้าพระบาทจะขอเอาพระราชกฤษฎา