หน้า:ภูตผีปีศาจของไทย (เหม เวชกร).pdf/630

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
๐๙๖│๐๙๗

มาย่อง ๆ แถวบ้าน บางทีลอดใต้ถุน ผมพบเหตุการณ์นี้สองหนแล้ว

ตอนแรก ๆ ผมกลัว เพราะรู้ ๆ กันอยู่ว่า ใครเล่าจะปลุกผม เมื่อผมนอนคนเดียวที่เฉลียงนอกชาน ส่วนพ่อเลี้ยงนอนในห้อง แล้วผู้ใดเล่าปลุกผมสองหนมาแล้ว แต่ครั้นนึกถึงว่า พ่อเลี้ยงผมคนนี้ก็คือพ่อมดหมอผี มีอาชีพนี้มาตั้งแต่แม่ผมยังอยู่และตัวผมเวลานั้นอายุ ๑๐ ปี เมื่อแม่ผมตายไปแล้ว ผมก็กลายเป็นลูกติดแม่ที่พ่อเลี้ยงต้องเอาติดตามไปทุกแห่ง ความรู้สึกก็เหมือนพ่อตัว แกรักผมดังหัวแก้วหัวแหวน ผมก็เชื่อดีว่า พ่อผมคือหมอผี จะกลัวอะไรกับผี ทั้งผีบ้านนี้ก็เป็นผู้มีใจอารี ไม่เคยรบกวนอะไร มีแต่คอยปลุกเมื่อจะมีใครมาราวีเท่านั้น

ผมลุกไปเปิดประตูรั้วนอกชานให้เข้ามา ซึ่งในเวลาปัจจุบันพ่อเลี้ยงผมคนนี้มีอาชีพเป็นตลกยี่เก ทั้ง ๆ แกเล่นไม่เป็น แต่หัวหน้าคณะมาเชิญไปร่วมด้วย เพราะพ่อผมมีอะไร ๆ แปลก ๆ ที่จะเข้าแทรกสลับฉากให้เกิดเป็นที่สนใจแก่คนดูได้ จะว่าเล่นกลก็ไม่เชิง หรือจะว่าเล่นเป็นจำอวดก็ไม่ใช่ แกมีของแปลก ๆ ออกมาแสดงให้คนดูเฮฮาได้ทีเดียว เช่นว่า แกเป็นเสนาตามพระเอกไปในป่า ครั้นพักนอนกัน แกทำสุมไฟขึ้น พอควันไฟลอยขึ้น ก็เกิดเป็นค้างคาวตัวใหญ่บินช้า ๆ วนไปเวียนมา แล้วบินออกนอกเวทีมาสู่คนดู พวกคนดูหลบกันให้ระเนระนาด แล้วค้างคาวนั้นจะกลับไปสู่กองไฟนั้น และหายเข้าในกองไฟ

นี่แหละ เสน่ห์ของพ่อเลี้ยงผม ไปเอาดีทางตัวแทรกประกอบลิเก แม้แต่มันจะไม่เป็นหลักฐานอะไรในชีวิต แต่แกสมัครใจดังนั้น พวกนักลิเกนักแสดงต่าง ๆ เรียกพ่อผมว่า ท่านอาจารย์ บางเวลาพ่อผมเบื่อหน่ายการเล่นชนิดนั้น ขอพักตัว พวกนั้นก็จะมากราบไหว้ขอร้องให้ไปช่วย พ่อผมใจง่าย ก็ไปตามที่เขาอัญเชิญ

การแสดงขอพ่อผมนั้น ผมรู้ว่า ไม่ใช่กล เพราะแกไม่ใช่นักเล่นกล แต่ที่ทำไปนั้นจะด้วยอำนาจใดผมไม่ทราบจริง ๆ พ่อผมไม่เคยบอกไม่เคยสอนให้รู้เลย ทุกวันนี้พ่อผมเพียงแต่สอนไม่ให้กลัวผี เพราะแกเองเกือบจะเป็นนายผีอยู่แล้ว คล้าย ๆ จะให้ผมดำเนินรอยตามแกเพื่อยึดเอาเป็นอาชีพข้างหน้า อนิจจา! ชาตาผม หนังสือหนังหารู้เพียงจบ ป. ๔ แล้วก็ไม่รู้อะไรอีก มั่วสุมอยู่กับสิ่งที่ไม่จำเริญอะไรข้างหน้าเช่นพ่อผมเป็นต้น