"อันจม" เขาก็จับไก่แยกออกจากการตีไปให้น้ำ สุดแต่จะสัญญากันว่า ตีกี่ "อัน" อย่างเดียวกันกับการต่อยมวยทางฝรั่ง อีกประการหนึ่ง สังเกตชื่อ นาฬิกา นั่นแปลว่า มะพร้าว จึ่งคิดว่า แต่ก่อนนี้เขาคงใช้กะลาก้นกลวงลอยน้ำเป็นเครื่องวัดเวลา ดูเหมาะดีที่จะฉวยเอากะลาซึ่งมีอยู่ดาษดื่นที่ไหนมาใช้ก็ได้ เขาจะชันอุดรูก้นกะลาเจาะไขให้น้ำเข้าตามชอบใจเอาใหม่หรือจะอย่างไรก็ไม่ทราบ แต่นี่เป็นเดาทั้งนั้น
อันเครื่องวัดเวลานั้นมีอยู่มากนัก จะให้ตัวอย่างก็เช่น
๑. "บ่ายควาย" "ควายเข้าคอก" นั่นเป็นสังเกตดูดวงอาทิตย์ เป็นวัดเวลาอย่างหยาบ
๒. "ชั้นฉาย" นั่งสังเกตเอาเงา เป็นของละเอียดขึ้น ใช้ในการบวชนาค
๓. การสอบไล่หนังสือพระ ได้ยินว่า แต่ก่อน ใช้จุดธูปเป็นเครื่องวัดเวลา ถ้าธูปไหม้หมดดอก ยังแปลไม่ลุ ก็จัดว่า เป็นตก
ขอให้สังเกตกลอนในมูลบทบรรพกิจ ท่านแบ่งเวลาไว้ไม่ตรงกับนาฬิกากล
ก) วันหนึ่งแบ่งเป็น ๒ ภาค เป็นกลางวันครึ่งหนึ่ง กลางคืนครึ่งหนึ่ง
ข) วันกับคืนนั้นแบ่งเป็น ๘ ยาม คือ กลางวัน ๔ ยาม กลางคืน ๔ ยาม
ค) ยามหนึ่งแบ่งเป็น ๓ ชั่วโมง กลางวันเรียกว่า โมง กลางคืนเรียกว่า ทุ่ม ข้อนี้สมเด็จฯ กรมพระยาเทววงศ์ ทรงสันนิษฐานว่า กลางวันเขาคงตีด้วยฆ้อง กลางคืนเขาคงตีด้วยกลอง ตามที่ทรงสันนิษฐานเช่นนี้ เห็นชอบด้วยยิ่งนัก
ฆ) โมงหนึ่งแบ่งเป็น ๑๐ บาท ตกเป็นบาทหนึ่ง ๖ มินิดแห่งนาที