หน้า:รายงานผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายฯ (2563-09-01).pdf/3

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว

จากผู้ต้องหาได้อย่างไม่มีข้อจำกัดในเหตุและจำนวนครั้ง ทั้งยังอนุญาตให้มีการกลับความเห็นหรือคำสั่งฟ้องในคดีอาญาซึ่งสั่งไปแล้วได้

ในคดีนี้ การร้องขอความเป็นธรรมตามระเบียบดังกล่าวจึงถูกใช้เป็นกลไกในการประวิงคดีและเพื่อช่วยเหลือผู้ต้องหามิให้ต้องรับโทษตามกฎหมายโดยความร่วมมือของผู้ต้องหา ทีมทนายความเจ้าหน้าที่ของรัฐ และบุคคลทั่วไป โดยปรากฏว่า มีการยื่นร้องขอความเป็นธรรมต่อพนักงานอัยการเป็นจำนวนถึง ๑๔ ครั้ง ครั้งแรกเมื่อวันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๖ ครั้งที่สองเมื่อวันที่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๕๖ ครั้งที่สามเมื่อวันที่ ๔ กันยายน ๒๕๕๖ ครั้งที่สี่เมื่อวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ ครั้งที่ห้าเมื่อวันที่ ๒๑ เมษายน ๒๕๕๗ ครั้งที่หกเมื่อวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๕๗ ครั้งที่เจ็ดเมื่อวันที่ ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ครั้งที่แปดเมื่อวันที่ ๑๖ มิถุนายน ๒๕๕๘ ครั้งที่เก้าเมื่อวันที่ ๑๒ มกราคม ๒๕๕๙ ครั้งที่สิบเมื่อวันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๕๙ ครั้งที่สิบเอ็ดเมื่อวันที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๕๙ ครั้งที่สิบสองเมื่อวันที่ ๖ มีนาคม ๒๕๖๐ ครั้งที่สิบสามเมื่อวันที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ และครั้งที่สิบสี่เมื่อวันที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๖๒ โดยตั้งแต่ครั้งแรกถึงครั้งที่สิบสาม อัยการสูงสุดหรือรองอัยการสูงสุดที่มีอำนาจสั่งคดีร้องขอความเป็นธรรมในแต่ละครั้งได้สั่งยุติการร้องขอความเป็นธรรมหลังจากที่ได้มีการสั่งให้มีการสอบสวนเพิ่มเติม และได้มีการดำเนินการสอบสวนและชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานอย่างรอบคอบ การร้องขอความเป็นธรรมกลับเป็นผลสำเร็จในการร้องขอครั้งที่สิบสี่จากการพิจารณาเพียงพยานหลักฐานเดิมที่ได้เคยมีการพิจารณาไปแล้วและเห็นว่ามีพิรุธและไม่น่าเชื่อถือในการพิจารณาการร้องขอความเป็นธรรมในหลายครั้งก่อนหน้า โดยเฉพาะอัยการสูงสุด รวมถึงรองอัยการสูงสุดหลายคน ได้พิจารณาพยานหลักฐานชุดนี้แล้ว และมีคำสั่งให้ยุติเรื่องไปก่อนหน้านั้นหลายครั้งหลายครา

การร่วมมือกันอย่างเป็นระบบของเจ้าพนักงานในกระบวนการยุติธรรม เจ้าหน้าที่ของรัฐ ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ทนายความ พยาน และบุคคลทั่วไปในการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมในคดีนี้ปรากฏหลักฐานอย่างชัดเจนว่า มีบุคคลจำนวนหนึ่งได้ร่วมกันจัดให้รองศาสตราจารย์ ส. ได้พบกับพันตำรวจโท ธ. เพื่อนำเสนอวิธีการคำนวณความเร็วใหม่และมีการสอบปากคำพันตำรวจโท ธ. ภายใต้การกำกับของพนักงานอัยการไม่ทราบชื่อเพื่อจัดทำพยานหลักฐานเท็จ โดยแก้ไขวันที่สอบปากคำให้เป็นวันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ และวันที่ ๒ มีนาคม ๒๕๕๙ สำหรับใช้ในการร้องขอความเป็นธรรมต่อพนักงานอัยการและต่อคณะกรรมาธิการในเวลาต่อมา โดยการกดดันหรือใช้อิทธิพลบังคับให้พันตำรวจโท ธ. ให้การเปลี่ยนความเห็นในเรื่องความเร็วของรถผู้ต้องหาในขณะที่ชนผู้ตายจาก ๑๗๗ กิโลเมตรต่อชั่วโมง ตามที่ปรากฏในรายงานการพิสูจน์หลักฐานครั้งแรกเป็นความเร็วที่ไม่เกิน ๘๐ กิโลเมตรต่อชั่วโมง เพื่อให้สอดคล้องกับผลการคำนวณความเร็วรถของรองศาสตราจารย์ ส. ซึ่งได้มีการตระเตรียมกันไว้ล่วงหน้า โดยไม่ให้โอกาสพันตำรวจโท ธ. ตรวจสอบวิธีการคำนวณความเร็วรถของรองศาสตราจารย์ ส. อย่างรอบคอบ แม้ว่าในเวลาต่อมาพันตำรวจโท ธ. จะพยายามขอยกเลิกคำให้การภายหลังจากที่ได้ทำการตรวจสอบอย่างรอบคอบจนพบความผิดพลาดของวิธีการคำนวณความเร็วรถของรองศาสตราจารย์ ส. แต่ได้รับการปฏิเสธจากพันตำรวจโท ว. โดยอ้างว่าพนักงานสอบสวนส่งสำนวนคดีให้พนักงานอัยการพิจารณาแล้ว อนึ่ง การลงวันที่อันเป็นเท็จดังกล่าวน่าเชื่อว่าเป็นไปเพื่อกันบุคคลบางคนให้ออกจากเรื่องนี้ และเพื่อให้การคำนวณความเร็วรถใหม่ใช้เวลาตามควรเพื่อให้น่าเชื่อถือ การร่วมมือระหว่างทนายความ ผู้ต้องหา ตำรวจชั้นผู้ใหญ่ พนักงานสอบสวน และพนักงานอัยการดังกล่าว ย่อมทำให้การสอบสวนเป็นการสอบสวนที่ไม่สุจริตและไม่ชอบด้วยกฎหมายอย่างชัดแจ้ง

อย่างไรก็ตาม ความพยายามในการใช้พยานหลักฐานเท็จในการร้องขอความเป็นธรรมยังไม่ประสบความสำเร็จ ผู้ต้องหา ทีมทนายความ และกลุ่มบุคคลที่มีส่วนร่วมในการให้ความช่วยเหลือผู้ต้องหามิให้ต้องรับโทษ ได้ใช้อิทธิพลทางการเมืองกดดันกระบวนการยุติธรรม โดยการร้องขอความเป็นธรรมเมื่อวันที่ ๔ พฤษภาคม ๒๕๕๙ กับคณะกรรมาธิการที่ประกอบด้วยข้าราชการ ทหาร ตำรวจระดับสูง เจ้าหน้าที่รัฐระดับสูงในกระบวนการยุติธรรม โดยเมื่อวันที่ ๑๖ ธันวาคม ๒๕๕๙ กรรมาธิการบางคนได้ให้ความเห็นและอ้างพยานหลักฐานเท็จเกี่ยวกับความเร็วรถของผู้ต้องหาที่ตนมีส่วนจัดให้มีการจัดทำขึ้นเพื่อสนับสนุนการร้องขอความเป็นธรรมให้กับผู้ต้องหา ความพยายามนี้สอดรับกับแนวทางการทำงานและผลสรุปของคณะทำงานที่จัดตั้งขึ้นโดยคณะกรรมาธิการเพื่อพิจารณาการร้องขอความเป็นธรรมและมีกรรมาธิการบางคนเป็นประธานคณะทำงาน แม้ว่ากรรมาธิการหลายคนไม่ประสงค์ให้คณะกรรมาธิการดำเนินการในลักษณะที่ก้าวก่ายการปฏิบัติหน้าที่และใช้ดุลพินิจของเจ้าพนักงานในกระบวนการยุติธรรมก็ตาม แต่กรรมาธิการผู้นั้นได้ไปเป็นพยานและให้ปากคำสนับสนุนข้ออ้างของผู้ต้องหาในการสอบสวนเพิ่มเติมต่อพนักงานสอบสวน เมื่อวันที่ ๑๕ มิถุนายน ๒๕๖๑ ด้วย