หน้า:ลัทธิฯ (๑๓) - ๒๔๖๔.pdf/15

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
๑๒

ประกอบด้วยอุบาทว์ เพราะฐานที่ตั้งแห่งวิวาทด้วยเรื่องธรรมวินัยมีมาก แลการที่กล่าวติเตียนซึ่งกันแลกัน ก่อเหตุให้เกิดวิวาทเนือง ๆ เมื่อเจ้ามิงดอมิงได้เปนพระเจ้าแผ่นดินพม่า ทรงเห็นว่า ภิกษุสุวรรณวิรัตตินิกาย แลจุลคณีนิกาย ทั้ง ๒ นี้ มากไปด้วยความริศยา แลยกตนติเตียนผู้อื่นเปนเบื้องน่า จึงได้ทรงเกียจกันภิกษุ ๒ นิกายนั้นมิให้ตั้งเปนหมู่เปนคณะอยู่ได้ตั้งแต่นั้นมา ภิกษุ ๒ นิกายนั้นก็น้อยไป ๆ ที่เหลืออยู่บ้างก็มาตั้งอยู่ในโอวาทของสุตมานิกายแลมหาคณีนิกายทั้งสิ้น เมื่อภิกษุ ๒ นิกายมีลัทธิแลความปฏิบัติเหมือนกันเช่นนี้ สาสนวงศ์ในพม่าก็เรียบร้อยบริสุทธิ์ตลอดมา จนเห็นว่า ไม่ควรจะแยกเปน ๒ นิกาย ควรจะรวมเปนนิกายเดียวกัน เพราะไม่แตกต่างกันโดยลัทธิแลความปฏิบัติ จึงได้เรียกว่า สุตมานิกาย แต่อย่างเดียวเท่านั้น

 ได้ถามถึงวัดแลการบำรุงพระสงฆ์ ได้ความว่า บางวัดมีที่เสนาศนะสงฆ์บริบูรณ์ บางวัดมีเสนาศนะที่พระสงฆ์อยู่น้อย ที่ไม่มีเลยก็มี ในระหว่างเวลายังมีพระเจ้าแผ่นดินพม่านั้น พระเจ้าแผ่นดินได้ทรงอุปถัมภ์บำรุงพระสงฆ์ทั้งปวงอยู่เปนนิจ ตั้งแต่พระเจ้าแผ่นดินพม่าถูกเนรเทศเสียจากราชสมบัติแล้ว ได้อาไศรยแต่ทายกเปนผู้อุปถัมภ์พระสงฆ์ทั้งหลาย วัดนั้นทายกก็เปนผู้ดูแลด้วย เดี๋ยวนี้ อาหารบิณฑบาตก็ขัดสนลงมาก ไม่เหมือนเมื่อครั้งมีพระเจ้าแผ่นดิน พระสงฆ์ทาง