หมด จึงตั้งภาษีขึ้นใหม่เรียกว่า สัสสเมธ เก็บเงินรายตัวราษฎรโดยอัตราสิบชักหนึ่งตามที่ทำมาหาได้ เอาเงินมาแจกเบี้ยหวัดแทนส่วย ถึงกระนั้น พระอัครมเหษีและพระมหาอุปราชก็ยังกินเมืองอยู่อย่างเดิม
๑.พระเจ้าแผ่นดินพะม่าเสด็จออกขุนนางวันละ ๓ ครั้งเป็นนิจ แต่โดยปกติเสด็จออกห้องที่เฝ้าแห่งอื่น ต่อเป็นการมหาสมาคมอย่างเต็มยศใหญ่จึงเสด็จออกในมหาปราสาท โดยปกติเสด็จออกเช้าราวเวลา ๘ นาฬิกาครั้งหนึ่ง เสด็จออกเวลาบ่าย ๑๕ นาฬิกาครั้งหนึ่ง และเสด็จออกที่รโหฐานเวลาค่ำ ๑๙ นาฬิกาอีกครั้งหนึ่ง
๒.เมื่อเสด็จออกเวลาเช้า เจ้านายและข้าราชการต้องเข้าเฝ้าพร้อมกันหมด ประภาษราชการแผ่นดินกับทั้งเศรษฐการ เสด็จออกเวลาบ่าย เข้าเฝ้าแต่เจ้าหน้าที่ ประภาษราชการในพระองค์ และการในพระราชฐาน (เทียบกับพระราชานุกิจไทย เห็นว่า ที่จริงจะทรงพิพากษาคดี) เสด็จออกเวลาค่ำ มีแต่หัวหน้าข้าราชการในพระราชสำนัก (เห็นจะประภาษราชกิจในพระองค์และการในพระราชฐานตอนนี้) บางทีก็ทรงสนทนากับข้าราชการแต่บางคนฉะเพาะตัวต่อไป
๓.พระเจ้าแผ่นดินเสวยวันละ ๔ เวลา เวลาเช้าระหว่าง ๗ กับ ๘ นาฬิกา เมื่อก่อนเสด็จออกขุนนางครั้งหนึ่ง เวลาเที่ยงวันครั้งหนึ่ง เวลาเย็นครั้งหนึ่ง และเวลาค่ำอีกครั้งหนึ่ง
๔.พระภรรยาเจ้าทั้งหลายกับเจ้านายผู้หญิงเป็นพนักงาน