หน้า:สนทนากับผู้ร้ายปล้น - ดำรงราชานุภาพ - ๒๔๖๘.pdf/23

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
๑๒

ถ้าจะปล้นในถิ่นของตัวเอง ทำไปลาผู้ใหญ่บ้านว่า จะไปกิจธุระต่างเมือง ๔ วัน ๕ วัน แล้วไปเสียวันหนึ่งจึงกลับเข้ามาปล้น แล้วก็ไปเสียอีกจนครบกำหนด ไม่ให้ผู้ใหญ่บ้านสงสัย อุบายอย่างต่ำนั้น ปล้นแล้วก็กลับไปนอนเสียที่เรือน เมื่อเขาปล้นกันเสร็จแล้ว ผู้ใหญ่บ้านเรียกตรวจ ก็มารับตรวจเหมือนกับคนอื่นไม่ให้สงสัย การที่จะไปปล้นต่างถิ่น ต้องมีพวกไปด้วยหลาย ๆ คน อย่างน้อยไม่ต่ำกว่า ๓ คน ไปสมทบกับพวกผู้ร้ายในถิ่นนั้น ถ้าฉุกเฉินอย่างใด พวกถิ่นเดียวจะได้ช่วยแก้กันกลับมา ที่จะไปปล้นต่างถิ่นแต่คนเดียว ๒ คนนั้นไม่มี อีกประการหนึ่ง ในเวลาที่จะปล้นในที่ต่างถิ่น ต้องให้ผู้ร้ายเจ้าของถิ่นนำทางเข้าไปจนถึงบ้านเรือน หรือมิฉนั้น ต้องให้ทำอุบายพาไปเดิรดูไว้เสียแต่เวลากลางวันให้รู้ท่าทางเข้าออกไว้เสียก่อน

๓๓ ถามว่า ปล้นเรือนกับปล้นโคกระบือ ผู้ร้ายชอบปล้นอย่างไหนมาก

ตอบว่า ปล้นเรือนกับปล้นโคกระบือ ที่ได้ทางเสียผิดกัน ปล้นเรือนสดวกกว่า เพราะปล้นครู่หนึ่งได้ทรัพย์มาแบ่งปันกันแล้วก็เปนเสร็จ ไม่ต้องธุระอันใดต่อไป แต่เสียอยู่ด้วยไม่ใคร่รู้ว่า เจ้าทรัพย์เอาเงินไว้ที่ไหน ถึงขึ้นเรือนได้แล้ว ยังเที่ยวค้นคว้าหาเงินไม่ใคร่จะได้ดังคาด ส่วนปล้นโคกระบือนั้น พอแลเห็นตัวโคกระบือ ก็ประมาณได้ว่า จะได้ทรัพย์เท่าใด แต่มีที่เสียอยู่ที่ปล้นไปแล้วยังต้องพาบุกป่าผ่าพงไปขาย ถ้าขายไม่ได้โดยเร็ว ก็มักจะถูกจับกุม จะซ่อนเร้นของกลางไว้โดยยาก