๏สิทธิการิยะ พระอาจารย์เจ้าผู้ชื่อว่า ท้าวสหัมบดีพรหม ผู้เปนใหญ่กว่าพรหม ๓๖ ชั้น ท่านผู้นั้นจึงลงมาประดิษฐานจาฤกอักษรไว้เปนต้นว่า เมื่อจะตั้งแผ่นดินใหม่ ครั้งนั้น ก็ให้บังเกิดกัลปพินาศ กล่าวคือ โลกฉิบหายด้วยเพลิงประลัยกัลป์นั้นไหม้ฟ้า แผ่นดิน ภูเขา แลเขาพระสุเมรุสิ้นแล้ว บังเกิดฝนห่าใหญ่ตกลงมาถึง ๗ วัน ๗ คืน แลน้ำท่วมขึ้นไปถึงชั้นพรหมปโรหิต พรหมปโรหิตจึงเล็งลงมาดูก็เหนซึ่งดอกอุบล ๕ ดอกผุดขึ้นมาเหนือน้ำงามหาที่จะอุปมามิได้ ท้าวมหาพรหมจึงบอกแก่พรหมทั้งหลายว่า แผ่นดินใหม่นี้จะบังเกิดสมเด็จพระพุทธเจ้ามาตรัส ๕ พระองค์ เพราะเหนดอกอุบลนั้น ๕ ดอก อันนี้ก็เปนธรรมดาประเวณีวิสัยสังเกตมาทุก ๆ ครั้ง ครั้นบังเกิดบุรพนิมิตรขึ้นแล้ว จึงน้ำค้างเปือกตมก็บังเกิดตกลงมา ๗ วัน ๗ คืน แล้วก็เปนสนับข้นเข้าดุจดังสวะอันลอยอยู่เหนือหลังน้ำโดยเหนาได้สองแสนสี่หมื่นโยชน์ พระอาจารย์เจ้าท่านยกมากล่าวไว้พอเปนสังเขป เมื่อแผ่นดินแลเขาพระสุเมรุตั้งขึ้นแล้วนั้น พระอิศวรผู้เปนเจ้าเธออาราธนาพรหมสององค์ทรงนามว่า พรหมจารี ลงมากินง้วนดิน ครั้นแล้วก็ทรงครรภ์คลอดบุตร์ได้ ๑๒ คน อันพวกนี้เกิดด้วยครรภปรามาส คือว่า เอามือลูบนาภีก็มีครรภ์ เกิดบุตร์แพร่หลายไปทั้ง ๔ ทวีป แตกเปนภาษาต่าง ๆ กัน แต่ชมพูทวีปเรานี้เปนกามราค สร้องเสพเมถุนสังวาศจึงมีครรภ์ สัตว์ที่มาปฏิสนธินั้นเปนชลัมพุชะ สัตว์ที่เกิดเปนฟองฟักนั้นชื่อ อัณฑชะ สัตว์มาปฏิสนธิด้วยเปือกตมนั้นชื่อ สังเสทชะ อุปปาติกะ คือ สัตว์ปฏิสนธิเปน
หน้า:สยามแพทย์ - ๒๔๖๗.pdf/6
หน้าตา