คำที่เรียกว่า อุปราช หรือ ยุวราช ตามตำราที่มาจากมัธยมประเทศ จะมาโดยทางข้างพระพุทธสาสนาก็ตาม หรือในทางข้างไสยศาสตร์ก็ตาม ยุติต้องกันว่าเปนผู้ที่พระเจ้าแผ่นดินอภิเษกไว้รับรัชทายาท เพราะฉนั้น โดยปรกติย่อมเปนสมเด็จพระราชโอรสของพระเจ้าแผ่นดิน แต่ในกฎมนเทียรบาลซึ่งตั้งขึ้นครั้งแผ่นเนสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถบัญญัติเรื่องอุปราชนี้แปลกอยู่
กฎมนเทียรบาลที่พิมพ์ในบานแพนกว่าตั้งเมื่อปีชวด จุลศัดราช ๗๒๐ คือ ในแผ่นดินสมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๑ นั้นผิด จุลศักราช ๗๒๐ นั้นเปนปีจอ มิใช่ปีชวด ที่จริงควรจะเปนปีชวด จุลศักราช ๗๘๐ ในแผ่นดินสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ ซึ่งมีพยานเห็นได้ในกฎหมายนั้นเองที่กล่าวถึงศักดินา ๆ เปนของที่ตั้งในแผ่นดินสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ ในแผ่นดินสมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๑ ยังไม่มี
ในกฎมนเทียรบาลว่า “พระราชกุมารอันเกิดจากพระอัครมเหษีคือหน่อสมเด็จพระพุทธเจ้า พระราชกุมารเกิดจากแม่ยั่วเมืองเปนพระมหาอุปราช” ดังนี้ ทำให้เข้าใจว่า พระราชกุมารที่จะอภิเษกเปนรัชทายาทนั้น ถ้าเกิดจากพระอัครมเหษี เรียก หน่อสมเด็จพระพุทธเจ้า ถ้าเกิดจากพระมารดาซึ่งมีบันดาศักดิ์ชั้นรองลงมา จึงเรียกว่า พระมหา