อุปราช แลมีเรื่องในพระราชพงศาวดารประกอบกฎหมายนี้แห่ง ๑ คือ เมื่อสมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๒ ทรงตั้งพระอาทิตยวงศ์ให้เปนรัชทายาทเมื่อไปครองเมืองพิษณุโลก มีพระนามตามที่เรียกในฉบับหลวงประเสริฐว่า “สมเด็จหน่อพุทธางกูรเจ้า” ในหนังสือพระราชพงศาวดารฉบับพิมพ์ ๒ เล่มเรียก สมเด็จพระบรมราชาหน่อพุทธางกูร แต่พระราชพงศาวดารฉบับพระราชหัดถเลขาเรียก “สมเด็จพระบรมราชามหาพุทธางกูร” ที่ถูกข้าพเจ้าเห็นว่าควรจะเปน หน่อสมเด็จพระพุทธเจ้าพระบรมราชา คือ ตั้งให้เปนหน่อสมเด็จพระพุทธเจ้าตามกฎหมายนี้เอง มีพระนามที่เปนเจ้าครองเมืองว่า พระบรมราชา อย่างได้เคยมีมาแต่ก่อนหลายพระองค์ แต่การตั้งพระมหาอุปราชในพระราชพงศาวดารปรากฎครั้งแรกในแผ่นดินสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถเมื่อทรงตั้งราชโอรสซึ่งฉบับหลวงประเสริฐเรียกว่า พระเชษฐา คือ สมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๒ ให้เปนพระมหาอุปราช แต่คำที่ใช้ในหนังสือพระราชพงศาวดารเห็นจะยุติเอาเปนแน่ไม่ได้ว่า องค์ไหนเปนหน่อสมเด็จพระพุทธเจ้า องค์ไหนเปนพระมหาอุปราช เพราะเปนของแล้วแต่ผู้แต่งหนังสือพระราชพงศาวดารจะเขียนลงไปตามความเข้าใจของตน
ในกฎหมายทำเนียบศักดินาพลเรือนซึ่งตั้งในแผ่นดินสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถเหมือนกัน ยังมีตำแหน่งขุนนางผู้ใหญ่ถือศักดินา ๑๐๐๐๐ คน ๑ เรียกว่า เจ้าพระยามหาอุปราชชาติรวิวงศ์ องค์ภักดีบดินทร์ สุรินทรเดโชไชย มไหศุริยศักดิอาญาธิราช ขุนนางตำแหน่งนี้ได้พบ