หน้า:อธิบายเบ็ดเตล็ดฯ พงศาวดารฯ - ดำรง - ๒๔๖๙.pdf/38

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ยังไม่ได้พิสูจน์อักษร
๒๘

ยกย่องให้มีพระเกียรติยศเป็นพระมหาอุปราช ทำนองที่เรียกกันในชั้นหลังว่า พระบัณฑูรใหญ่ พระบัณฑูรน้อย แต่ในครั้งนั้นจะเรียกอย่างไรแลให้กำลังวังชาอย่างไรทราบไม่ได้

ข้าพเจ้าเข้าใจว่า ประเพณีที่มีเจ้านายซึ่งทรงศักดิ์สูงสุดสองพระองค์อยู่ในราชธานี ที่เขมรเรียกว่า มหาอุปโยราช แลมหาอุปราช ก็ดี ที่ไทยเราเรียก พระบัณฑูรใหญ่ พระบัณฑูรน้อย ก็ดี วังหน้า วังหลัง ก็ดี น่าจะมีขึ้นในแผ่นดินสมเด็จพระมหาจักรพรรดิเป็นปฐม

มีความกล่าวไว้ในหนังสือพงศาวดารเขมรแห่งหนึ่งว่า "จุลศักราช ๙๔๖ (ตรงรัชกาลของสมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราช) ศก วอกนักษัตร แต่พระองค์ (นักพระสัฏฐา) ทรงราชย์มาได้เก้าปี พระชันษาได้สามสิบสามปี พระองค์สบพระราชหฤทัยด้วยสมเด็จพระราชบุตรทั้งสองพระองค์ ให้ทรงราชย์เป็นเสด็จ คือ กษัตริย์ ทั้งสองพระองค์ พระราชบุตรผู้พี่นั้นปีวอก พระชันษาได้สิบเอ็ดปี ได้อภิเษกทรงน้ำสังข์สรงพระเกศทรงพระนารายณ์ทรงพระขรรค์ ทรงพระนาม พระบาทสมเด็จเสด็จพระชัยเชษฐาธิราชรามาธิบดี พระราชบุตรผู้น้อยนั้นปีชวด พระชันษาได้หกปี อภิเษกทรงน้ำสังข์สรงพระเกศทรงพระนารายณ์ทรงพระขรรค์ ทรงพระนาม พระบาทสมเด็จบรมราชาธิราชรามาธิบดี พระบาทบรมบพิตรทั้งสามพระองค์ทรงราชย์" ดังนี้ เขมรชอบเอาอย่างไทยเป็นปรกติ เห็นได้ตั้งแต่พระนามพระเจ้ากรุงกัมพูชาตลอดมาก็เอาอย่างพระเจ้ากรุงศรีอยุธยา จะถ่ายแบบสมเด็จพระมหาจักรพรรดิตั้งพระราเมศวรกับพระมหินทรฯ ไป