สิทธิที่จะได้รับการรักษาพยาบาลก่อนผู้อื่นนั้น จะเป็นอันอนุมัติให้มีขึ้นได้ก็โดยเหตุผลทางแพทย์ที่มีลักษณะด่วนเท่านั้น
สตรีจะต้องได้รับการปฏิบัติโดยได้รับการพิจารณาทุกประการอันสมควรแก่เพศของตน
ภาคีคู่พิพาท ซึ่งมีความจําเป็นต้องละทิ้งผู้บาดเจ็บหรือป่วยไข้ไว้แก่ฝ่ายศัตรูจะต้องจัดให้มีพนักงานแพทย์และเวชภัณฑ์ส่วนหนึ่งไว้เท่าที่ความจําเป็นทางทหารจะอํานวยให้ เพื่อช่วยเหลือรักษาพยาบาลบุคคลเหล่านั้น
อนุสัญญานี้ให้ใช้แก่บรรดาผู้บาดเจ็บและป่วยไข้ซึ่งอยู่ในประเททดังต่อไปนี้ คือ
ก. ผู้สังกัดในกองทัพของภาคีคู่พิพาท รวมทั้งผู้สังกัดในมิลิเชีย หรือหน่วยอาสาสมัครซึ่งเป็นส่วนของกองทัพเหล่านี้
ข. ผู้สังกัดในมิลิเชียและผู้สังกัดหน่วยอาสาสมัครอื่นใด รวมทั้งผู้สังกัดในขบวนต่อต้านที่ได้จัดตั้งขึ้นโดยมีระเบียบ ซึ่งเป็นของภาคีคู่พิพาท และปฏิบัติการอยู่ภายในหรือภายนอกอาณาเขตของตนเอง แม้ว่าอาณาเขตนั้นจะถูกยึดครองอยู่ หากว่ามิลิเชียหรือหน่วยอาสาสมัครรวมทั้งขบวนต่อต้านที่ได้จัดตั้งโดยมีระเบียบเช่นว่านี้ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขดังต่อไปนี้ คือ
- (๑) มีผู้บังคับบัญชาสังการอันเป็นบุคคลที่รับผิดชอบสําหรับผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา
- (๒) มีเครื่องหมายที่กําหนดไว้เด่นชัด สามารถจะเห็นได้ในระยะไกล
- (๓) ถืออาวุธโดยเปิดเผย
- (๔) ปฏิบัติการรบตามกฎและประเพณีการสงคราม
ค. ผู้สังกัดในกองทัพประจําการซึ่งมีความสวามิภักดิ์ต่อรัฐบาล หรือเจ้าหน้าที่ที่มิได้รับการรับรองจากประเทศที่กักคุม
ง. บุคคลที่ร่วมอยู่แต่มิได้สังกัดอยู่ในกองทัพนั้นโดยตรง เช่น พนักงานพลเรือนที่สังกัดอยู่ในพวกกําลังพลประจําอากาศยานทหาร ผู้สื่อข่าวสงคราม ผู้รับเหมาส่งเสบียง ผู้สังกัดในหน่วยกรรมกร หรือในบริการต่าง ๆ ที่รับผิดชอบต่อสวัสดิการของทหาร หากว่าบุคคลเหล่านี้ได้รับอนุมัติจากกองทัพที่ตนได้ร่วมอยู่
จ. บรรดากําลังพลประจําเรือ รวมทั้งนายเรือ พนักงานนําร่อง และผู้ฝึกหัดงานของเรือพาณิชย์ตลอดจนกำลังพลประจำอากาศยานพลเรือน ของภาคีคู่พิพาท ซึ่งไม่ได้รับประดยชน์จากการปฏิบัติที่อนุเคราะห์ดีกว่านี้ตามบทบัญญัติอื่นใดแห่งกฎหมายระหว่างประเทศ
ฉ. พลเมืองในอาณาเขตที่มิได้ถูกยึดครองซึ่งเมื่อศัตรูประชิดเข้ามาได้สมัครใจเข้าจับอาวุธต่อต้านกองทหารที่บุกเข้ามานั้นโดยไม่มีเวลาจัดรวมกันเข้าเป็นหน่วยกองทหารประจำ หากบุคคลเหล่านี้ถืออาวุธโดยเปิดเผย และเคารพต่อกฎและประเพณีการสงคราม
ภายใต้บทบัญญัติแห่งข้อ ๑๒ ผู้บาดเจ็บและป่วยไข้ของผู้เป็นฝ่ายในสงครามฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดซึ่งตกอยู่ในอำนาจของฝ่ายศัตรูนั้น ให้ถือว่าเป็นเชลยศึก และให้นำบทบัญญัติแห่งกฎหมายระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับเชลยศึกมาใช้บังคับแก่บุคคลเหล่านั้น