หน้า:เปิดกรุ (๑) - เหม เวชกร - ๒๕๓๘.pdf/189

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
๑๘๙
 

จึงเกิดอยากจะเห็นสถานที่เหล่านั้นให้ชื่นใจ

ไม่มีอะไรจะดูอีกแล้วในตำบลดอนเจดีย์ เราจึงกลับขึ้นรถเพื่อเข้าเมือง ผมคิดขอบคุณรัฐบาลเหลือเกินที่ได้ทำการสร้างองค์เจดีย์ขึ้นใหม่ครอบทับองค์เก่าไว้ จึงเป็นที่ระลึกแห่งสำคัญของประวัติศาสตร์ ถ้ามิฉะนั้น จะไม่มีใครจะได้มาชมเลย ถ้าจะนับว่าอยู่กลางป่าก็ว่าได้ ถ้าไม่มีถนน ที่ไหนจะมีทางมาได้สะดวกดังนี้ และที่สำคัญของวีรบุรุษของไทยได้สร้างไว้แก่ประเทศก็จมอยู่กลางป่า

"เฮ้ย… อุทิศ ฉันจะพาแกไปกินข้าวร้านหนึ่ง ฝีมือพ่อครัวเด็ดนัก" วิชัยว่า แล้วชะลอเครื่องรถแถวร้านจอแจ แต่แล้วกลับเร่งเครื่องต่อไปอีก

"เดี๋ยวเว้ย เกือบลืมไปแฮะ" วิชัยพูดขณะที่ขับรถมา "ไปตลาดก่อน แกมาสุพรรณ ถ้าไม่ได้กินปลาบู่ ก็เหมือนไม่ได้มาสุพรรณและได้กินอาหารชั้นเลิศ"

"เอ๊ะ คนไทยถือนะแกว่า ถ้ากินปลาบู่ ก็เท่ากับกินปลาบู่ทองในนิยายนั่นแหละ" ผมเย้าเล่น ๆ พ่อนักธุรกิจหัวเราะ

"ถ้าแกถือ ฉันจะกินแทนเอง ฉันคิดว่า ปลาบู่มีมาในเมืองไทยหลายพันปีแล้ว แต่วรรณคดีเรื่องปลาบู่ทองเพิ่งจะมีขึ้น" วิชัยหัวเราะอีก "เฮ้ย คนไทยเรามัวสงสารตามเรื่องนิยาย เลยชาวจีนกินปลาบู่สบายใจ ใครเอาไปขายที่ตลาด ชาวจีนกวาดเรียบวุธเลย แกเอ๋ย เนื้อมันวิเศษนัก นอกจากเนื้อปลากำพวด ปลาตีนตัวโต ๆ แล้ว ไม่มีเนื้อปลาอะไรเทียบมันได้เลย"

"แต่ปลาบู่นี่ ตามนิยายว่า เป็นเมียหลวงของชาวประมงนะ เมียน้อยทำมนต์ดี ผัวหลงมนต์ เลยตีเมียหลวงตกน้ำตาย แล้วเกิดมาเป็นปลาบู่ ถ้าเรากินปลาบู่ เราก็เท่ากับเป็นพวกเมียน้อยน่ะซี เพราะเมียน้อยจับปลาบู่กิน" ผมแย้งเล่นตามนิยาย

"เอาละนะ แกไม่กิน ฉันกินแทนเอง" วิชัยว่า

เราเดินเข้าตลาดไปด้วยกัน วิชัยพาไปทางตลาดปลา วิชัยซื้อปลาบู่ตัวขนาดใหญ่มหึมาได้สองตัว ผมมองดูแล้วชักสงสัย ในขณะที่เดินกลับ