หน้า:เปิดกรุ (๑) - เหม เวชกร - ๒๕๓๘.pdf/194

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
๑๙๔
 

แม่คนนั้นแกยกมือให้เราหยุด ผมกับวิชัยมองหน้ากัน เพราะการหยุดรถในเวลาค่ำคืนในหนทางเปลี่ยวนั้นไม่ควรทำทีเดียว ถ้ายังไม่อยากหมดเนื้อหมดตัว จริงอยู่ ผู้ที่ขอให้เราหยุดนั้นเป็นหญิงเพียงคนเดียว แต่จะรู้ได้อย่างไรว่า ข้าง ๆ ถนนที่มีแต่ซุ้มไม้นั้นจะไม่มีใครซุ่มอยู่ เรามองไปที่เลื่อนนั้นเพื่อตรวจดูว่าบรรทุกอะไร ทันทีเราก็ฉงนใจและเฉลียวขึ้นว่า เราจะถูกปล้นเสียแล้ว ในเลื่อนที่ลากมานั้นเป็นคนห่มผ้าทำนอนนิ่งแน่ ๆ มีผ้าคลุมโปงเหมือหนาวจัด

"รถว่างไหม?" หญิงผู้ลากเลื่อนร้องถามเราด้วยเสียงเหนื่อยอ่อน

"ทำไมล่ะ?" ผมถามออกไปด้วยใจนึกจะไหวทันว่า เรากำลังจะเข้าตาลำบากเสียแล้ว รถเราถ้าจะหลีกไปก็ยาก เพราะเลื่อนนั้นทอดขวางเกือบครึ่งถนน และทางหัวเลื่อนมีคานที่ลากนั้นยาวมาก ซ้ำแม่คนที่ลากเลื่อนยังอยู่สุดคานลากนั้นอีก จึงเต็มถนนพอดี ยากแก่เราจะหลีกไปได้

"ฉันจะขอฝากคนเจ็บหนักไปโรงพยาบาลนครปฐมด้วย" หญิงนั้นพูดช้า ๆ

"ฉันไม่ไปนครปฐม" วิชัยเป็นคนปฏิภาณไว "ฉันจะไปแค่กำแพงแสนนี่เอง"

แม่หญิงผู้ลากเลื่อนได้ยินเราตอบดังนั้นก็นิ่งงัน ดูตามรูปร่างแก คะแนอายุว่ายังสาว ยืนทอดอาลัย

"ช่วยไปหน่อยไม่ได้หรือ?" แกพูดต่อ "นึกว่าเอาบุญแก่คนเจ็บเถิด"

เรามองหน้ากันอย่างไม่รู้จะตอบว่าอย่างไร และไม่รู้จะตัดสินใจอย่างไร เพราะตามคำที่แกพูดมานั้นก็น่าที่เราจะทำการช่วยเหลือ ซึ่งเกี่ยวกับความเมตตา แต่ถ้าพูดถึงการวิ่งรถเวลากลางคืนแล้วผิดหลัก จะรับใครกลางทางช่วยเหลือใครกลางทางอย่างนี้มันยากยิ่ง เคยหมดตัวเพราะเข้าตาจนมามากรายแล้ว แต่ใจหนึ่งก็คิดว่า เราหยุดรถมานี่หลายนาทีแล้ว ถ้าจะมีการปล้นสะดม ก็น่าจะมีแล้ว แต่ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก็ถ้าว่า เรารับแกไปจริงแล้ว แกเกิดขอร้องให้เราหยุดยังที่ใดที่หนึ่ง เราอาจจะโดนดีตรงนั้นก็ได้ จะมีพวกวิ่งพรูกันออกมาจกาป่าสองข้างทางยึดรถเราและตัวเราแล้ว เรา