หน้า:เปิดกรุ (๒) - เหม เวชกร - ๒๕๓๘.pdf/90

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
๙๗
 

ไม่ค่อยแน่นอน ถ้าพี่ทิดมีอะไรดี ๆ แบ่งปันให้บ้าง ก็พอจะแก้จนไปได้บ้าง คราวนี้ ทิดนั้นจึงตอบเสียงห้วน ๆ ว่า พบอะไร เห็นอะไร คิดออก ก็เอาไป ไม่หวงหรอก เขาพูดอย่างไม่หันมาดูเรา ต่อนั้นไป ก็ไม่พูดอะไรอีก เขาลงมือจุดเทียนปักลบงใจกลางของศาลา ส่วนเราสองคนยังไม่ทำอะไรทั้งนั้น เพราะเสียงที่เขาพูดก็เข้าที ที่ว่า พบอะไร เห็นอะไร คิดออก ก็เอาไป ท่าจะดี คราวนี้ ถ้าได้ไปโดยคิดตกก็จะดีกว่าเรานั่งเองกระมั่ง? เราจึงนั่งดูเขาทำพิธี เขาเดินพนมมือก้าวไปช้า ๆ เข้าหาเสาทั้งสี่เสา หยุดยืนบ่นอะไรพึมพำที่โคนเสาอยู่ทุกต้น แล้วเป่าลมพรวดเข้าใส่เสานั้นทุกต้นไป เราสองคนรู้สึกว่า พิธีเขาแปลก ครั้นเขาสะกดเสาทั้งสี่ต้นแล้ว กลับมายืนตรงศูนย์กลางที่ปักเทียน ดึงผ้าสะพายเฉียงนั้นออก แล้วโพกหัวจนดูคล้ายแขก ฉันนึกออกว่า นี่คงเป็นพิธีของแขกครัวที่เราไม่รู้จักและไม่เคยเห็น พอโพกหัวแล้ว เขาก็นั่งขัดสมาธิ นั่งเงยหน้าบ่นคาถาพึมพำไปหมด เราแปลคาถาเขาไม่ออก ไม่รู้ว่า เขาพูดว่ากระไรบ้าง เพราะเสียงอยู่ในลำคอ เขาทำพิธีนี้อยู่นานเหลือเกิน จนนกแสกบินโผเข้ามาที่เราแล้วบินผ่าไนป ร้องเสียแซ้กเข้าขั้วหัวใจ ทั้งฉันและเพื่อนสะดุ้งทั้งตัว ตั้งแต่นั่งหวยมา ไม่เคยวิธีนี้ และมันช่างรุนแรงจนนกกลางคืนที่น่ากลัวพลอยมาเข้าพิธีด้วย ในครู่นั้นเอง เจ้าค้างคาวแม่ไก่ก็บินมาอีก โฉบไปโฉบมาจนรอบหัวเขา จนเทียนที่ปักอยู่ตรงหน้าเขาถูกลมแรงปีกวูบวาบแทบจะดับลง พอค้างคาวผละไป เจ้านกแสกก็บินโผผ่านเข้ามาอีก ร้องเสียงกรีดหัวใจแล้วหายไปในดงมืด ฉันตั้งสติอดทนเหลือเกิน มันเป็นพิธีร้ายกาจที่สุด ผู้เข้าพิธียังคงนั่งนิ่งอีกสักครู่ แล้วจึงลุกเดินไปที่เสาต้นแรก เป่ามนต์ลงที่เสาอีก แล้วเกิดปีนเสาขึ้นไปจนถึงเพดานที่มืดตื้อหายไป ฉันกับเพื่อนมองหน้ากันอย่างตกใจ แต่ยังไม่ทันจะได้พูดอะไรและทำอะไร ทิดนั่นก็ไต่ลงมาอีกเสาด้านหนึ่ง แต่การไต่ลงนี้ช่างแปลกประหลาดจนเราสะดุ้งใจ เขาไต่โดยเอาหัวลงมาอย่างตุ๊กแกหรือจิ้งจก แล้ววิ่งไปขึ้นอีกเสาหนึ่ง แล้วหายไปบนเพดานอีกตามเคย ฉันกับเพื่อนชักระส่ำระสาย เกิดสะกิดใจกลัว แต่เราพูดอะไรกันไม่ออกเลย ยังไม่