หน้า:โฉมหน้าศักดินาไทย (9th ed).pdf/201

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ยังไม่ได้พิสูจน์อักษร
 ๒๒๘  โฉมหน้าศักดินาไทย

รัชกาลที่ ๕ เคยแสดงความแค้นใจเช่นนี้ ไว้ว่า :

"พิเคราะห์ดูคนไทยตามเสียงเล่าฤๅ มันเหมือนพวกลาวเมืองหลวงพระบาง เจ๊กนี้คือข่า ถ้าไม่ได้อาศัยข่าก็ไม่มีอะไรกิน ข่าขัดขึ้นมาครั้งไรก็ตกใจเหลือเกิน ไปหวั่นหวาดย่อท้อให้พวกเจ๊กได้ใจ...น่าน้อยใจจริงๆ"๑๒๗

ถึงสมัย ร.๖ เมื่อกลิ่นอายของประชาธิปไตยกรุ่นขึ้นทั่วไป ร.๖ ก็พยายามระดมให้ประชาชนหันไปเกลียดคนจีนมากขึ้น ชี้ให้ประชาชนเห็นว่าที่ต้องลำบากยากแค้นทุกวันนี้ เป็นเพราะคนจีนในเมืองไทยไม่ใช่เพราะระบบศักดินา การแก้ไขมิใช่อยู่ที่เปลี่ยนจากศักดินาเป็นประชาธิปไตยดอก หากอยู่ที่ช่วยกันบ้อมพวกจีน แล้วต่างคนก็ต่างนอนกระดิกตีนเกลียดจีนอยู่บนเตียง! บทบาทของ ร.๖ ในการรณรงค์เพื่อเบนสายตาและมอมเมาประชาชนก็คือ บทความเรื่อง "ยิวในบูรพทิศ" และ "เมืองไทยจงตื่นเถิด" ที่เขียนออกมาในนามปากกา "อัศวพาหุ"

แต่อย่างไรก็ดี เราต้องขอคารวะต่อความคิดอันแยบคายของศักดินา เล่ห์กลมนต์คาถาที่เขาใช้ศักดิ์สิทธิ์ได้ผลจริงน่าพึงใจ ประชาชนหันมาเกลียด "เจ๊ก" กันพักใหญ่ ซากเดนแห่งความคิดที่ศักดินาสอดใส่ไว้ให้นี้ ยังได้มาปรากฏอีกครั้งหนึ่ง โดยการรณรงค์ของพวกขุนศึกฟัสซิสต์ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ ๒

แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีประชาชนจำนวนมากจำนวนหนึ่ง ยังมีใจมั่นคงและมีทรรศนะอันยาวไกลและถูกต้อง เขายังมองฝ่าเมฆหมอกของการมอมเมาออกไปได้ เขามองเห็นว่าเจ้าภาษีคือนายหน้าตัวแทนของศักดินาผู้เป็นตัวการใหญ่ ความเดือดร้อนในเมืองไทยมิได้มาจากพวกชาวจีน หากมันมาจากความร่วมมือระหว่างศักดินากับนายทุนนายหน้าผูกขาด!